พาตะลุยเที่ยวถ้ำไทย…. ณ ถ้ำแห่งไหนเปิดให้บริการทุกวันตลอดทั้งปี

                ถ้ำเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่น่าสนใจ ด้วยระบบนิเวศที่แตกต่างจากการท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติแบบอื่น หรือด้วยบรรยากาศแวดล้อมของถ้ำที่ให้อารมณ์ลึกลับ ท้าทาย และน่าค้นหา เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้เหล่านักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความแตกต่างที่แปลกใหม่ หรือนักท่องเที่ยวสายลุยผู้รักการผจญภัยให้ชอบมาเที่ยวกัน ถ้ำหลายแห่งในไทยมักจะมีช่วงระยะเวลาปิดถ้ำในทุกปี เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติภายในและปกป้องอันตรายจากธรรมชาติที่อาจเกิดแก่นักท่องเที่ยว แต่ก็มีถ้ำอีกไม่น้อยที่ทางกรมอุทยานฯ หรือหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลในบริเวณพื้นที่นั้น อนุญาตเปิดให้เข้าชมได้ทุกวันตลอดทั้งปี โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมาเที่ยวผิดช่วงเวลา ทำให้ส่งผลต่อความปลอดภัย ซึ่งจะมีอยู่ด้วยกันหลายแห่ง อาทิ

ถ้ำพระยานคร

ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด การจะเข้าไปภายในถ้ำจะต้องเดินเท้าขึ้นไปบนภูเขาซึ่งจะเต็มไปด้วยธรรมชาติที่ค่อนข้างสมบูรณ์ เมื่อมาถึงภายในถ้ำจะพบว่าถ้ำพระยานครเป็นถ้ำขนาดใหญ่ซึ่งภายในจะมี 3 คูหา มีพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ที่ถูกสร้างเกิดในสมัยรัชกาลที่ 5 คราวเสด็จประพาสถ้ำ ด้านข้างและด้านบนเพดานถ้ำมีหินงอกหินย้อยเป็นรูปร่างต่าง ๆ อันสวยงาม บางช่วงบนเพดานถ้ำจะมีปล่องขนาดใหญ่ ที่เปิดออกให้แสงสว่างจากภายนอกสาดลำแสงเข้ามาตกกระทบตัวพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ขนาดย่อม ซึ่งตั้งไว้บนเนินดินกลางถ้ำ ที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้สูงหลายสิบต้น คล้ายป่าขนาดเล็กบริเวณพื้นถ้ำด้านล่าง จนดูปลั่งประกายเรืองรอง เกิดเป็นภาพสวยงามจับตาจากการรังสรรค์ร่วมกันของธรรมชาติและมนุษย์

ถ้ำลอด ปางมะผ้า

อยู่ในความดูแลของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มแม่น้ำปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถ้ำลอดปางมะผ้าจะมีลำห้วยไหลลอดจากปากทางเข้าหน้าถ้ำ ไหลทะลุไปยังอีกด้านหนึ่งของถ้ำ นักท่องเที่ยวจึงนิยมล่องตามลำห้วยตื้น ๆ เข้าไปชมภายในถ้ำด้วยการนั่งแพที่ทำจากไม้ไผ่ต่อกัน จนมีขนาดยาวและแคบ หัวท้ายแพจะมีคนค่อยถ่อแพให้ล่องไปตามลำน้ำเข้าไปภายใน แสงตะเกียงบนแพที่ใช้นำทางจะเป็นแหล่งกำเนิดแสงขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียวที่ส่องสว่างภายในถ้ำ เนื่องจากจะไม่มีการติดตั้งหลอดไฟใด ๆ เพื่อรักษาธรรมชาติของถ้ำในยังคงความสมบูรณ์มากที่สุด เมื่อนั่งแพล่องไปตามลำน้ำเรื่อย ๆ จะพบว่าถ้ำนั้นกว้างและสูง ด้านบนมีหินงอกหินย้อยรูปร่างต่าง ๆ แสงไฟจากตะเกียงจะตกกระทบหินงอกหินย้อยด้านบนเพดานถ้ำ บางส่วนจะเปล่งปลั่งล้อแสงไฟเล่นราวจะหยาดหยด บางส่วนก็จะเกิดเงาสีทึบดูลึกลับ คนถ่อแพจะพาหยุดพัก ณ จุดต่าง ๆ ที่เป็นพื้นที่แห้งให้เดินชมบริเวณโดยรอบ ซึ่งจะมีภาพเขียนสีแดงสีดำของมนุษย์โบราณก่อนประวัติศาสตร์และวัตถุโบราณต่าง ๆ ซึ่งแสดงถึงความเก่าแก่ของถ้ำแห่งนี้ อาทิ ภาชนะดินเผา กระดูกมนุษย์โบราณ โลงศพไม้สักหรือโลงผีแมน ฯลฯ

ถ้ำในบางแห่งถึงแม้ว่าจะเปิดให้เที่ยวชมทุกวันตลอดทั้งปี แต่ก็มีช่วงเวลากำหนดที่จะเข้าออกถ้ำ ซึ่งควรจะเคารพทำตามกฎนั้นอย่างเคร่งครัด และไม่ว่าอย่างไรก่อนการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติควรสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลพื้นที่ ถึงความพร้อมของสถานที่ก่อนไปทุกครั้ง เพื่อให้การเที่ยวในครั้งนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นและน่าประทับใจอย่างที่สุด

 

ชวนแบกเป้ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์….ไปกับอุทยานแห่งชาติ ณ เมืองเลย

ในปัจจุบันธรรมชาติต่าง ๆ ของไทยถูกรุนรานจากความเจริญที่เข้ามาทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้ธรรมชาติหลายแหล่งถูกรบกวนจนสูญเสียเสน่ห์อันเฉพาะตัวไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็มีธรรมชาติอีกไม่น้อยที่ได้รับการดูแลคุ้มครองทำให้ยังคงความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งกำเนิดแม่น้ำ เป็นบ้านของสัตว์ป่าน้อยใหญ่ และยังเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้คนทั่วไปเรียนรู้ที่จะ “รักษ์” ธรรมชาติอันแสนสำคัญนี่ไว้ หากในวันหยุดยาวที่ยังไม่รู้จะไปไหน ลองรวมแก๊งเพื่อน ชวนกันจัดกระเป๋าเดินทาง ทิ้งความวุ่นวายของชีวิตประจำวันไว้ด้านหลัง แล้วมาเรียนรู้ธรรมชาติเหล่านี่กัน ณ  อุทยานแห่งชาติเมืองเลย

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางระบบนิเวศทั้งป่าไม้ พันธุ์สัตว์และพันธุ์พืช ในทุกปีจะ มีช่วงเวลาเปิดให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม และศึกษาธรรมชาติซึ่งจะเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่มีเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะต้องเดินเท้าเป็นระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร จากบริเวณทางขึ้นจนถึงจุดพักแรมที่อยู่ด้านบนภู แต่นั่นกลับเป็นเสน่ห์อันชวนให้หลงใหล เพราะระหว่างทางขึ้นยอดภูจะได้เห็นถึงสภาพป่าและพันธุ์ไม้ที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตลอดทาง พอไปถึงด้านบนภูก็ยังมีสถานที่เที่ยวชมธรรมชาติอีกหลากหลาย อาทิ น้ำตกเพ็ญพบใหม่ ซึ่งเป็นน้ำตกที่ค่อนข้างสูงโดยในช่วงฤดูหนาวจะมีใบเมเปิ้ลสีแดงร่วงหล่นลอยไปกับธารน้ำที่ไหลออกไปจากน้ำตก ฯลฯ และหากขึ้นภูไปในช่วงที่มีฝนดาวตก จะสามารถมองเห็นดาวตกได้ในตอนกลางคืน ในบริเวณจุดพักกางเต็นท์แบบนอนไปดูดาวไปกันเลยทีเดียว

อุทยานแห่งชาติภูเรือ

                อุทยานแห่งชาติภูเรือเป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม โดยสามารถขับรถขึ้นไปด้านบนเพื่อชมความสวยงามได้ ภูเรือเป็นภูเขาที่สูง จะแต่มีพื้นที่ราบกว้างบนยอดภู เมื่อมองจากยอดภูด้านบนออกไปด้านนอกจะมองเห็นความเขียวชอุ่มของป่าไม้บนแนวเขา ที่ตั้งเรียงรายกันอย่างสลับซับซ้อนไกลออกไปสุดสายตา ตัดกับท้องฟ้าที่กระจ่างใสในย่ามกลางวัน หากแต่ในยามเย็นป่าไม้บนทิวเขาจะถูกแสงสีเหลืองส้มของพระอาทิตย์ตกดิน พาดผ่านไม่ต่างกับท้องฟ้าที่จะเปลี่ยนไปเจือด้วยสีเหลืองส้มของแสงสุดท้ายอันสวยงาม ด้านบนของภูเรือจะมีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปีทำให้ด้านบนมีพันธุ์พืชและดอกไม้ที่แปลกตาจำนวนมาก นอกจากนี้แล้วบนภูเรือยังมีน้ำตก หน้าผา ถ้ำ ลาดหิน ฯลฯ ซึ่งสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของภูเรือซึ่งรอให้ไปเรียนรู้กัน

ถึงแม้ประเทศไทยจะมีธรรมชาติที่หลากหลายและค่อนข้างสมบูรณ์ หากแต่ไม่ช่วยกันอนุรักษ์และมุ่งเน้นจะหาประโยชน์จากธรรมชาติเพียงอย่างเดียว วันหนึ่งแหล่งธรรมชาติเหล่านี่จะหมดไปและยากจะฟื้นฟู ซึ่งแน่นอนจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงถึงผู้อยู่อาศัยอย่างที่นึกไม่ถึงอย่างแน่นอน หากยังไม่เริ่มที่จะดูแลรักษา “บ้านหลังนี้” ตั้งแต่วันนี้  

 

ชวนเพื่อนมาปั่นจักรยานรับลม แล้วมาชมวิถีชีวิตและธรรมชาติ ณ พระประแดง…

พระประแดงเป็นอำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของจังหวัดสมุทรปราการ ติดกับเขตราษฎร์บูรณะของกรุงเทพฯ ที่ความเจริญเข้ามาถึง แล้วแทรกซึมไปกับวิถีชีวิตและธรรมชาติของที่นี่ได้อย่างลงตัว แต่ธรรมชาติยังคงบริสุทธิ์ สามารถสูดลมหายใจลึก ๆ ได้เต็มปอด เพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าของร่างกายและจิตใจ ยิ่งหากชวนแก๊งเพื่อน คนรัก และครอบครัวมารวมตัวปั่นจักรยานรอบอำเภอพระประแดงด้วยกันแล้ว ความสุขที่ได้รับจะเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกับสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้

วัดไพชยนต์พลเสพย์ ราชวรวิหาร

วัดไพชยนต์พลเสพย์ ราชวรวิหาร เป็นวัดที่คู่กับชาวพระประแดงมาอย่างช้านาน เมื่อปั่นมาถึงหน้าวัดจะพบซุ้มประตูด้านหน้าทางเข้าสีน้ำตาลแดง ลวดลายวิจิตรเป็นอันดับแรก บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างเงียบสงบตลอดทางจนมาถึงภายในวัด ที่จะพบกับศาสนสถานสำคัญทางศาสนาต่าง ๆ ซึ่งสร้างขึ้นด้วยศิลปะไทยผสมจีนคล้ายกับวัดโพธิ์ในฝั่งพระนคร เนื่องด้วยวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2  จึงมีลักษณะทางศิลปะบางส่วนที่มีความคล้ายคลึงกัน ภายในพระอุโบสถของวัดจะมีพระบุษบกยอดปรางค์ ที่มีอายุเก่าแก่ยิ่งกว่าวัด รูปทรงสวยงามวิจิตรบรรจง สีทองเหลืองอร่าม ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางมารวิชัยอันสวยงาม หากคนที่ชื่นชอบความเงียบสงบเพื่อดื่มด่ำศิลปะหรือสถาปัตยกรรมสมัยต้นรัตโกสินทร์แล้วละก็ วัดแห่งนี่ก็เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งเป็นตลาดน้ำค่อนข้างใหญ่ ซึ่งรอบล้อมไปด้วยบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของชาวบ้านในพื้นที่ เมื่อปั่นมาถึงปากทางเข้าภายในตลาด จะพบร้านค้าบนบกมากมายที่สร้างเป็นเพิงไม้ขนาดเล็ก ตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ส่วน  ใหญ่จะเป็นร้านค้าของชาวบ้านระแวกนั้น โดยข้าวขายที่ขายจะเป็นพวกผักผลไม้ งานหัตกรรมหรืองานฝีมือต่าง ๆ เสื้อผ้า กระเป๋า อาหารของกิน ฯลฯ บรรยากาศตลอดทางเดินที่มุ่งสู่บริเวณส่วนตลาดน้ำ จะอบอุ่นผ่อนคลายและร่มรื่นด้วยต้นไม้ขนาดต่าง ๆ รอบบริเวณ เดินไปเรื่อย ๆ จะเห็นควันขาว ๆ มาแต่ไกล ซึ่งมาจากหม้อ มาจากกระทะที่พ่อค้าแม่ค้าปรุงอาหารกันอย่างขะมักเขม้นอยู่ในเรือพายตลอดริมฝั่งคลอง ส่งกลิ่นหอมฉุยฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ไม่ไกลกันมากนักจะพบลานที่นั่งพักขนาดย่อม ที่ปกคลุกด้วยร่มเงาของต้นไม้ มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียวชวนให้สดชื่น คล้ายจะเชิญชวนให้นั่งพักขาหรือนั่งพักกินอาหารที่ซื้อมา พลางฟังเพลงจากบนเวทีไม้ตรงกลางลาน ที่มักจะมีคนพลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นมาขับกล่อมบทเพลงต่าง ๆ ทั้งกรุงลูกทุ่ง ลูกกรุง ชวนให้เพลิดเพลินไม่น้อยเลยทีเดียว

การปั่นจักรยานเที่ยวนอกจากจะได้การออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงแล้ว ในระหว่างการปั่นจักรยานเที่ยวยังได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ในระหว่างทางมากขึ้น ซึ่งบางครั้งสิ่งเหล่านั้นให้ความสุขและความประทับใจที่มากกว่าจุดหมายปลายทางในการเดินทางเสียอีก

 

แบกเป้ตะลอนเที่ยว ณ สังขละบุรี สถานที่แห่งนี้ ไม่ใช่มีดีแค่เพียงสะพานมอญ

                สังขละบุรี หนึ่งในอำเภอยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีพื้นที่ติดกับประเทศพม่า ทำให้ในพื้นที่สังขละบุรีมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมกัน โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่คิดถึงขึ้นมาอันดับแรก เมื่อพูดถึงที่นี่ ก็คงหนีไม่พ้นสะพานมอญ สะพานไม้แห่งศรัทธาของชาวชุมชนในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจซึ่งไม่ค่อยได้ยินชื่ออีกหลายแห่ง อาทิ

ตลาด ณ บริเวณด่านเจดีย์ 3 องค์

เมื่อเข้ามาในบริเวณด่านเจดีย์ 3 องค์ ซึ่งเป็นพื้นรอยต่อระหว่างประเทศไทยกับประเทศพม่า จะพบว่าไม่ไกลจากบริเวณที่เจดีย์สีขาว 3 องค์ ตั้งอยู่จะมีตลาดซึ่งเต็มไปด้วยชาวไทยและชาวพม่าที่มาแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าของตัวเองกันอย่างคึกคัก ตั้งแต่ทางเข้าตลาดซึ่งมีทั้งร้านที่มาตั้งขายแบบเพิงพักหรือจะหามของเดินเร่ขายก็มีให้เห็นไม่น้อย โดยข้าวของส่วนใหญ่ในตลาดที่ขายโดยชาวพม่า จะเป็นพวกเครื่องประดับที่ทำจากหยก หินชนิดต่าง ๆ และเงิน อาทิ กำไรหยก แหวนหยก หินประดับ สร้อยเงิน ฯลฯ หรือพวกทานาคาเครื่องประทินผิวยอดนิยมของสาวพม่า ที่มีทั้งในรูปแบบฝนเองจากแท่งไม้ทานาคา หรือแบบสำเร็จรูปบรรจุลงในตลับก็มีขายให้เห็นกันหลายร้าน เมื่อเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนถึงกำแพงกั้นเขตแดนไทยกับพม่า จะพบพ่อค้าแม่ค้าชาวพม่าขายพวกพันธุ์ไม้ พวกขนมของประเทศพม่า หรือพวกอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านของชาวพม่าก็มีให้เห็นไม่น้อยเช่นเดียวกัน ฯลฯ นอกจากนี้ในส่วนร้านขายของชาวไทย ส่วนใหญ่มักจะเป็นร้านที่ขายเครื่องประดับและอุปกรณ์เครื่องใช้ ที่ผลิตในประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวและชาวพม่ามาลองเลือกซื้อกันอย่างคึกคัก

ถ้ำแก้วสวรรค์บันดาล

ถ้ำแก้วสวรรค์บันดาลนั้นตั้งอยู่ในสำนักสงฆ์ โดยทางขึ้นไปภายในถ้ำจะต้องขึ้นบันไดไม้ซึ่งค่อนข้างสูงชัน สอง ฝั่งเต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด เมื่อไปถึงหน้าทางเข้าของถ้ำแรก จะพบป้ายชื่อบอกว่าถ้ำส่วนนี้ชื่อว่าอะไร ซึ่งถ้ำแก้วสวรรค์บันดาลจะมีถ้ำย่อยอีกหลายแห่งมาก ทางเข้าในแต่ละแห่งก็จะมีความสูงชันแตกต่างกันไป โดยภายในถ้ำจะปรากฏหินงอกหินย้อยรูปทรงต่าง ๆ มากมาย และมีการเปิดไฟส่องสว่างภายในถ้ำ เมื่อแสงไฟตกกระทบ หินงอกหินย้อยเหล่านั้นก็จะสะท้อนแสงไฟระยิบระยับอย่างสวยงาม ในบางครั้งจะมีเด็ก ๆ ในพื้นที่มาทักทายชวนคุยและพาเที่ยวชมถ้ำพร้อมเล่าประวัติของถ้ำในสมัยก่อน หรือแนะนำว่าถ้ำไหนเป็นถ้ำไหนมีอะไรภายในบ้าง นอกจากนี้เส้นทางที่เข้าไปในถ้ำแก้วสวรรค์ บันดาล จะพบฝูงควายที่มีรูปทรงเขาแปลกหลายสิบตัว ที่ชาวบ้านให้หากินในสวนยางพาราที่ขึ้นเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ พื้นดินด้านล่างเป็นหญ้าสีเขียวชอุ่มทำให้บรรยากาศโดยรอบดูร่มรื่นชวนผ่อนคลาย

สังขละบุรีนั้นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกจำนวนมาก โดยมีอีกหลายที่ซึ่งพึ่งค้นพบใหม่ และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม หลายแหล่งยังไม่มีเสียงชื่อในหมู่นักท่องเที่ยวมากนัก หากแต่มีความสวยงามไม่แพ้ที่อื่น ๆ ซึ่งรอให้ไปสัมผัสด้วยตาของตัวเองอยู่

 

สัมผัสวิถีชีวิตกรุงเทพฯ เมื่อครั้งอดีต…กับเรื่องเล่าจากลาดกระบัง

                ลาดกระบังเป็นเขตพื้นที่หนึ่งของกรุงเทพมหานคร ซึ่งหากใครได้ไปจะพบว่าบรรยากาศและธรรมชาติยังไม่ถูกความวุ่นวายของเมืองเข้าไปแทนที่มากนัก ยังคงรักษาไว้ซึ่งวิถีชีวิตความเป็นชุมชนดั้งเดิม และเอกลักษณ์ของลาดกระบังในสมัยก่อนไว้อย่างค่อนข้างชัดเจน ทั้งความเงียบสงบ ความเป็นธรรมชาติ วิถีชีวิตชาวบ้านที่ส่วนหนึ่งยังคงอาชีพเกษตรกรรมอยู่ ซึ่งหาไม่ได้แล้วในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน สิ่งเหล่านี้เป็นแรงสิ่งดูดผู้คนที่สนใจให้อยากลองไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในเขตลาดกระบัง อาทิ

ชุมชนหัวตะเข้

ชุมชนเก่าแก่ที่อยู่คู่กับลาดกระบังมาช้านาน อาคารบ้านเรือนแต่ละหลังภายในชุมชน ซึ่งอยู่ติดกับลำคลองสายใหญ่ จะสร้างด้วยไม้เกือบทั้งหมด ตั้งอยู่ชิดติดกันให้กลิ่นอายอบอุ่นใกล้ชิดของชุมชนในสมัยก่อน ภายในชุมชนนอกจากจะมีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยแล้วยังมีโรงเรียนและตลาดที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ตลาดหัวตะเข้ ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมปั่นจักรยานหรือเดินชมบรรยากาศ ผ่านเส้นทางไม้ซึ่งเลาะไปตามริมคลองอันเงียบสงบ นาน ๆ ครั้ง จะมีชาวบ้านขนของสัญจรผ่านมา บางครั้งลมมักจะพัดเอากลิ่นและไอเย็นของน้ำผ่านมา ในขณะกำลังชมรอบตลาด ที่ให้กลิ่นอายคลาสสิคของตลาดเก่าซึ่ งมีทั้งร้านอาหารทั้งคาวหวาน ร้านตัดผม พื้นที่ส่วนจัดแสดงผลงานศิลปะ ร้านโชว์ห่วยโบราณ ซึ่งขายอุปกรณ์เครื่องเขียน อุปกรณ์ศิลปะ ร้านขายของเล่นโบราณ ร้านเย็บผ้า ฯลฯ เมื่อเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงสะพานไม้สไตล์ชุมชนเก่า จะมองเห็นลำคลองที่ตลอดสายเรียงรายด้วยบ้านเรือนทั้ง 2 ฝั่ง มองไกลออกไปอีกหน่อยก็จะพบกับกำแพงอาร์ตลวดลายกราฟิกเท่ ๆหลากหลายภาพ ซึ่งรอให้นักท่องเที่ยวไปถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ชุมชนหัวตะเข้นั้นสามารถมาเยี่ยมชมได้ทุกวัน ส่วนหากอยากเที่ยวตลาดที่เปิดขายอย่างคึกคักให้มาทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-16.00 น. ตลาดหัวตะเข้จะเปิดต้อนรับเหล่านักท่องเที่ยวอยู่

วิทยาลัยช่างศิลป ลาดกระบัง

วิทยาลัยช่างศิลป ลาดกระบัง สามารถเข้าเยี่ยมชมผลงานศิลปะภายในวิทยาลัยได้ ซึ่งต้องติดต่อขออนุญาณก่อน โดยเฉพาะหากมากันเป็นกลุ่มทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ฯลฯ ในระหว่างการเข้าชมจะมีวิทยากรมานำบรรยาย เล่าถึงประวัติความเป็นมาของวิทยาลัยช่างศิลปฯ พาชมประติมากรรมรูปแบบต่าง ๆ อันมีเอกลักษณ์ ที่ตั้งอยู่โดยรอบวิทยาลัย พร้อมบรรยายถึงประวัติและความเป็นมาที่น่าสนใจของผลงานแต่ละชิ้น นอกจากนี้วิทยากรจะพาเข้าชมผลงานทั้งศิลปะไทย ประเพณี และศิลปะร่วมสมัยของวิทยาลัย นักศึกษา ศิลปินท่านต่าง ๆ ภายในอาคารเรียน อาทิ ผลงานภาพลายรดน้ำ ซึ่งเป็นผลงานของนักศึกษา ภาพจิตรกรรม ภาพวาด ประติมากรรมหลากหลายรูปแบบ และยังมีมุมจัดแสดงผลงานอื่น ๆ ที่ผู้เยี่ยมชมนั้นสามารถถ่ายรูปกันได้อย่างอาร์ต ๆ อีกด้วย ฯลฯ

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าสนใจเหล่านี้แล้ว ลาดกระบังยังมีแหล่งเรียนรู้เชิงวิถีชีวิต อาทิ การเยี่ยมชมกลุ่มเกษตรกร ที่จะพาชมสวนและบรรยากาศวิธีการทำเกษตรกรรมแบบผสมผสาน นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่ได้จากทางการเกษตรให้เลือกซื้อเลือกชิมกันอีกด้วย

 

หากเที่ยวกรุงฯ ตอนมีแสงแดดรู้สึกร้อน..ลองเที่ยวตอนมีแสงนีออนดูมั้ย

ด้วยว่าประเทศไทยนั้นเป็นประเทศในเขตร้อน จึงทำให้หลาย ๆ ครั้งการจะออกไปเที่ยวนอกบ้านสักครั้ง ต้องพกร่ม พกน้ำ และอุปกรณ์กันแดดกันร้อนอีกหลายชิ้นเยอะแยะไปหมด หลายคนแต่งตัวพร้อมแล้ว แต่พอก้าวเท้าออกจากบ้านเจอแสงแดดอันอบอุ่นถึงขีดสุด ก็เลือกที่จะเปลี่ยนใจเดินกลับเข้าบ้านทันที เมื่อเห็นว่าการนอนเปิดพุงให้พัดลมเป่า น่าจะดูผ่อนคลายเสียมากกว่า ในเมื่อไม่อยากออกไปเจอแสงแดดอันแรงกล้าในยามกลางวัน ทำไมไม่ลองหันมาเที่ยวในตอนเย็นดูบ้างล่ะ วันนี้จะลองพามาดูสถานที่เที่ยวยามเย็นที่น่าสนใจกันสัก 1- 2 แห่ง ตามมาดูกันเลย

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)

วัดพระแก้วจะเปิดให้เข้าภายในช่วงเวลากลางวันเท่านั้น พอหมดเวลา ประตูทางเข้าจะปิดลงพร้อมกับแสงสว่างของพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ หายไป ฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีคราม หลายคนเริ่มเดินทางกลับ หากแต่ลองเดินช้า ๆ รอบวัดพระแก้วดูสักพัก รับลมพัดเย็น ๆที่ มาพร้อมกับแสงสว่างจากหลอดไฟริมถนนรอบวัดพระแก้ว ที่เปิดสว่างขึ้นทีละดวง จะเห็นยอดเจดีย์ ยอดหลังคาวัด และแนวกำแพงหลายเป็นสีเหลืองทองจากแสงไฟที่สาดส่องภายในวัด คล้ายกับวัดเรืองแสงได้เอง พอหันกลับมามองรอบตัวอีกที ทางเท้าด้านหน้าริมกำแพง ท้องถนน อาคารตึกแถวก็เต็มไปด้วยแสงจากหลอดไฟสีเหลืองเฉกต่าง ๆ สว่างไสว ยิ่งในช่วงงานเทศกาลหรืองานเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษแสงจากหลอดไฟ จะส่องสว่างไปทั่วบริเวณสุดลูกหูลูกตา ให้บรรยากาศอันสวยงามแปลกตา ที่ต้องลองเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง

สะพานพุทธ

สะพานพุทธฯ สะพานเหล็กสีเขียวอันมีเอกลักษณ์ ในช่วงเย็นหลายคนปั่นจักรยานมากับแก๊งเพื่อนฝูง หรือเดินจูงมือเดินข้ามสะพานกับคู่รักเพื่อรับลมชมวิวบนสะพานที่เกิดขึ้นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่กลับสวยงามจับตา ท้องฟ้าสีฟ้าอ่อนเจือส้ม พระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงข้างพระปรางค์วัดอรุณฯ เห็นเพียงโครงพระปรางค์ โครงเรือที่แล่นอยู่บนน้ำสีทึบ ผิวแม่น้ำเจ้าพระยาสะท้อนแสงสีส้มอมเหลืองของแสงสุดท้ายของวัน หากอดใจรออีกสักพักจะเห็นเรือ อาคารบ้านเรือน ตึกสูง และวัดอรุณฯ กลับยังคงสว่างไสวเรืองรองด้วยแสงไฟนีออน ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด แสงไฟที่สาดกระทบกับองค์พระปรางค์วัดอรุณฯ สีเหลืองทอง สะท้อนตกลงสู่ผิวแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้ ๆ รวมถึงแสงไฟจากเรือขนาดต่าง ๆ ที่ล่องตามแม่น้ำ ทำให้ผิวแม่น้ำดูเงางามคล้ายกับกระจก แม้แต่ตัวสะพานเองก็สว่างไสวด้วยแสงสีส้มจากหลอดไฟด้านบน เกิดเป็นภาพอันมีเสน่ห์ดึงดูดใจ

กรุงเทพมหานครเมืองที่ไม่เคยหลับใหล แม้แต่ในยามค่ำคืนก็ยังคงสว่างไสวด้วยแสงไฟจากการดำเนินชีวิต ทำให้เกิดภาพอันสวยงามอันแตกต่างจากตอนกลางวันอีกแบบหนึ่ง หลายแห่งกลายเป็นสถานที่ถ่ายรูปหรือเดินเล่นรับลมเย็น ๆ ที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่หลงแสงบางกอกกันไม่น้อยเลยทีเดียว

 

หนึ่งวันกับการเดินเที่ยวสบายๆในย่าน 4 แยกคอกวัว…ถิ่นเก่าแห่งโรงวัวนม

ในย่าน 4 แยกคอกวัว นอกจากถนนข้าวสาร ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติแล้ว หลายคนคงอยากรู้ว่ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรอีกบ้างในย่านนี้ ที่สามารถเดินเที่ยวกันได้ไม่ต้องมานั่งรอรถเมล์ให้เสียเวลาเที่ยว วันนี้ลองมาทำความรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยว ที่สามารถใส่รองเท้าแตะเดินเที่ยวสบาย ๆ จากย่าน 4 แยกคอกวัวกัน

พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่

พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ตั้งอยู่ภายในกุฏิที่สุนทรภู่เคยจำพรรษอยู่ เมื่อครั้งบวชเป็นพระภิกษุ ณ วัดเทพธิดารามวรวิหาร โดยภายในกุฏิมีการแบ่งเป็น 3 ห้อง ซึ่งจะจัดแสดงเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับสุนทรภู่ อาทิ ประวัติความเป็นมาและเส้นทางชีวิต ข้าวของเครื่องใช้ขณะที่สุนทรภู่บวชเป็นพระภิกษุ บอร์ดประลองความรู้เกี่ยวกับกาพย์กลอน ผลงานต่าง ๆ รวมทั้งลายอักษรที่เขียนด้วยสุนทรภู่ของจริง นอกจากนี้ยังมีห้องที่ภายในมีเทคโนโลยี เออาร์ เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมสามารถถ่ายภาพเสมือนจริงร่วมกับสุนทรภู่ได้ นอกจากนี้ยังมีจุดบริการสำหรับเช่าชุดไทย สำหรับผู้สนใจไว้สวมถ่ายภาพอีกด้วย

วัดราชนัดดารามวรวิหาร

รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดให้สร้างขึ้น โดยสิ่งที่สะดุดตาเมื่อเดินเข้าภายในวัดนั่นคือ โลหะปราสาท ซึ่งเป็นโลหะปราสาทหนึ่งในสามแห่งในโลก และยังเป็นเพียงโลหะปราสาทแห่งเดียวที่ยังสมบูรณ์อยู่ ภายในโลหะปราสาทได้มีการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของการก่อสร้าง ภาพของโลหะปราสาทในแต่ละยุคแต่ละสมัย และประวัติโลหะปราสาททั้งสามแห่ง ส่วนตรงกลางของโลหะปราสาทมีบันไดเพื่อขึ้นไปชมวิวพร้อมรับลมเย็น ๆ ด้านบนซึ่งจะเห็นวิวโดยรอบเกาะรัตนโกสินทร์อีกด้วย

หอสมุดกรุงเทพ    

ภายในหอสมุดแห่งนี้จะมีทั้งหมด 4 ชั้น โดยแบ่งเป็นหลากหลายส่วน อาทิ ส่วนของมุมอ่านหนังสือโดยจะมีหนังสือประเภทต่าง ๆ มากมายทั้งนิยาย การท่องเที่ยว หนังสือสำหรับเด็ก หนังสือต่างประเทศ ฯลฯ ส่วนพื้นที่สำหรับเด็กให้ได้อ่านและเล่น ส่วนของการจัดแสดงนิทรรศการ ซึ่งจะมีส่วนของนิทรรศการหลักและนิทรรศการหมุนเวียนที่จัดขึ้นเพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้าชม ส่วนของร้านอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ในแต่ละอาทิตย์หอสมุดกรุงเทพยังมีการจัดบรรยายให้ความรู้ซึ่งหากใครสนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่หน้าห้องจัดบรรยายเพื่อรับฟัง นอกจากนี้ภายในหอสมุดยังมี Wi-fi และคอมพิวเตอร์ให้กับผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกอีกด้วย การเข้าใช้บริการหอสมุดกรุงเทพไม่เสียคาใช้จ่ายใด ๆ เพียงใช้บัตรประจำตัวประชาชนก็สามารถเข้าไปได้ โดยเปิดทุกวันอังคาร – เสาร์ เวลา 08.00 – 21.00 น. และ วันอาทิตย์ เวลา 09.00 – 20.00 น.

บริเวณแถวแยกคอกวัวยังสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่สามารถเดินเที่ยวได้ไม่ไกลจากกันมากนักซึ่งจะให้บรรยากาศในการเที่ยวอีกแบบ เห็นถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อยู่ระหว่างเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวถัดไป ซึ่งจะไม่ทันได้สังเกตแน่นอน หากไม่ได้เดินผ่านเพื่อสัมผัสมันเอง และนี่ล่ะคือเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเดินเที่ยว

 

ไปเที่ยวที่ไหนกันดี….ในย่านฝั่งธนบุรีเมืองหลวงแต่เก่าก่อนของไทย

เขตธนบุรี หรือที่เราคุ้นหูกันในชื่อ ฝั่งธนฯ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของไทย แม้เวลาผ่านไปเป็นร้อยปี สถานที่สำคัญในอดีตย่านฝั่งธนฯ หลายแห่งอาจเลือนหายไปตามกาลเวลา แต่ก็มีอีกหลายแห่งที่ผู้คนยังคงรักษาเอกลักษณ์และรูปแบบความเป็นอยู่ เหมือนเมื่อครั้งฝั่งธนฯ เป็นราชธานี สถานที่เหล่านั้นมีที่ไหนกันบ้างตามมารับชมกันเลย

ชุมชนกุฎีจีน

กุฎีจีนเป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่มีความเก่าแก่มาก โดยตั้งขึ้นตั้งแต่ในสมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานี หากเดินเข้าไปในชุมชน ผ่านตรอกขนาดเล็ก จะพบว่าตัวบ้านเรือนหรืออาคารก่อสร้างตั้งอยู่ใกล้ชิดกันอย่างอบอุ่น โดยแต่ละหลังจะมีกลิ่นอายเก่าอันมีมนต์เสน่ห์ของวัฒนธรรม ความเชื่อต่าง ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ เนื่องจากภายในชุมชนแห่งนี้มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและศาสนา เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ จะพบว่าชุมชนแห่งนี้ ตั้งติดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและมีสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าสนใจภายในชุมชนอยู่หลายแห่ง อาทิ มัสยิดบางหลวง มัสยิดที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมไทยจีนสีขาวเขียว ดูคล้าย ๆ สถาปัตยกรรมในวัดโพธิ์ซึ่งดูสวยงามแปลกตาไปจากมัสยิดทั่วไปที่เคยพบเห็นและในบริเวณมัสยิดยังมีเรือนไทยโบราณที่ตั้งอยู่อีกด้วย ฯลฯ นอกจากนี้ในชุมชนยังมีศาสนสถานของศาสนาอื่น ๆ ทั้งศาลเจ้าเกียนอัน โบสถ์ซางตาครู้ส หรือวัดต่าง ๆ ก็ตั้งอยู่ไม่ไกลมากนัก ดู ๆ ไปแล้วชั่งเป็นความแตกต่างอันแสนลงตัว

ตลาดน้ำตลิ่งชัน

ตลาดน้ำตลิ่งชันตั้งอยู่ใกล้กับสำนักงานเขตตลิ่งชัน เมื่อมาถึงหน้าตลาดจะพบแผงขายของตั้งอยู่ ร่มขนาดใหญ่หลากสีของแต่ละร้าน กางเรียงรายติดกันอย่างเป็นระเบียบ การค้าการขายก็คึกคันกันตั้งแต่หน้าตลาด พอเดินตามทางเข้าตลาดมา จะพบว่าตลอดทางทั้งสองฝั่งจะเห็นข้าวของหลายสิ่งวางขายอยู่ ทั้งผักสด ผลไม้สด ซึ่งใส่ในเข่งบ้างในกระจากบ้าง เดินขยับไปอีกหน่อย ก็พบร้านขายต้นไม้ดอกไม้ ร้ายขายหมวก และร้านขายอาหารต่าง ๆ ก็มีขายอยู่ไม่ขาดสายตลอดทาง เมื่อมาถึงบริเวณตลาดน้ำจะพบเรือพายของพ่อค้าแม่ขาย มาจอดเทียบท่าขายของกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกอาหารที่ปรุงขายกันสด ๆ ในเรือ ทำให้เห็นควันขาว ๆ จากหม้อจากกระทะฟุ้งกระจายไปรอบ ๆ บริเวณท่าน้ำ หากเดินจนอยู่สึกหล้า ใกล้ ๆกับริมน้ำนั่นจะมีศาลาที่นั่งให้นั่งพักหรือนั่งกินอาหารที่จับจ่ายซื้อมา นั่งไปกินไปหรือจะนั่งไปฟังเพลงบรรเลงจากวงดนตรีไทยที่จะเล่นขับกล่อมอยู่เป็นระยะก็เพลิดเพลินไม่น้อยเลยทีเดียว

ย่านฝั่งธนบุรีไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวเพียงแค่นี้เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายสถานที่ซึ่งมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ประเพณี และความเชื่อหากแต่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนและมีชีวิตชีวาอันน่าประทับใจที่รอให้เหล่านักท่องเที่ยวไปสัมผัสกัน

 

เที่ยววันหยุดสุดสัปดาห์กันแบบชิลล์ ๆ กับ….พระราชวังเก่าในช่วงสงครามโลก

ในช่วงเวลานั้นที่โลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เกิดความสูญเสียมากมาย ประเทศไทยได้มีการปรับตัวและพัฒนาเพื่อป้องกันการรุกรานจากภายนอกในด้านต่าง ๆโดยสถาปัตยกรรมจากสมัยนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่ยังคงเหลือร่องรอยไว้ให้ศึกษาประวัติศาสตร์ ซึ่งแฝงด้วยกลิ่นอายแห่งการบอกเล่าเรื่องราวแต่ครั้งก่อน โดยเฉพาะวังซึ่งมีหลายแห่งในกรุงเทพฯ ที่ยังคงอยู่และได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมกัน อาทิ

พระราชวังพญาไท

                พระราชวังพญาไทสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ตรงกับช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อเดินเข้ามาภายในวังจะพบกับตึกสไตล์ยุโรปขนาดใหญ่ 4 แห่ง ที่สร้างเชื่อมติดกันด้วยการก่ออิฐฉาบปูน ภายในมีการวาดภาพปูนเปียก ปูนแห้งตามผนัง มีการตกแต่งอย่างหรูหราอย่างตะวันตกตั้งแต่ราวบันได โคมไฟ ตัวเครื่องเรือนเครื่องใช้ จนถึงห้องด้านบนสุดห้องหนึ่งของวัง เมื่อมองลงมาด้านล่างจากทางหน้าต่างที่เปิดอ้ารับลมไว้ ก็จะพบกับสวนโรมันขนาดใหญ่ ที่มีลานเวทีแบบโรมัน ลานน้ำพุ รูปปั้นโรมัน และสวนต้นไม้ดอกไม้นานาชนิด ที่ได้รับการตัดแต่งอย่างสวยงาม วังพญาไทนั้นสามารถเดินมาจากบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ และเปิดให้เข้าชมทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 09.30 น. และ 13.30 น. สำหรับวันจันทร์ – วันศุกร์ จะต้องทำหนังสือขออนุญาตเข้าชมก่อน

วังสวนผักกาด

                วังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายนอกอาณาเขตของวังสวนผัดกาด จะรอบล้อมไปด้วยตึกสูงและความเจริญต่าง ๆ หากแต่เมื่อก้าวเข้ามาในเขตวัง ก็จะพบบรรยากาศที่ราวกับหลุดกลับไปในช่วงเวลาสมัยก่อน ด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่นแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ทั่วอาณาเขต ทั้งไม้พุ่ง ไม้เลื้อย หรือไม้ยืนต้นสูง ที่มีมากมายหลากหลายชนิด เป็นแหล่งที่พักอาศัยของเหล่านก ที่บางครั้งส่งเสียงร้องสร้างความเพลิดเพลินให้แก่ผู้มาเยี่ยมชม เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ จะเห็นน้ำพุขนาดเล็กในบ่อน้ำใกล้กับเรือนไทยโบราณ ที่มีอยู่หลายหลัง ตั้งเรียงรายไม่ไกลกันมากนัก โดยแต่ละหลังได้มีการจัดแสดงข้าวของโบราณต่าง ๆ ทั้งพวกเครื่องสังคโลก เครื่องดนตรีโบราณ อาวุธโบราณ พระพุทธรูปสำริดสมัยสุโขทัย โบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ และวัตถุโบราณทั้งไทยทั้งต่างประเทศ นอกจากนี้ยังคงมีหลุมหลบระเบิด อีกหนึ่งหลักฐานที่หลงเหลือไว้จากช่วงยุคสงครามโลก หากสนใจจะเข้าเยี่ยมชมวังสวนผักกาดนั้นสามารถเข้าชมได้ทุกวัน เวลา 09.00 น. – 16.00 น.

หากคุณกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวแบบชิลล์ ๆ แฝงกลิ่นอายคลาสสิค ไม่ต้องเดินทางไกลและค่าใช้จ่ายสบายกระเป๋า เพื่อพาร่างกายอันอ่อนล้าจากการเรียนหรือการทำงาน ไปเติมพลังและถ่ายรูปกับสถานที่สวย ๆ ไว้อัพลงโซเชียล การท่องเที่ยววังเก่าก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งน่าสนใจทีเดียว

 

ปัก 10 แลนด์มาร์ค น่าเที่ยวในประเทศอาเซียน !!

อาเซียนร่วมใจ อาเซียนเรามาร่วมใจ ที่ร้องเพลงนี้เพราะว่าวันนี้ จะพาส่องแลนด์มาร์คน่าเที่ยวสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียน หรือ ที่คุ้นเราคุ้นหูกันว่า “AEC” มีประเทศไทยเรารวมอยู่ด้วย ประเทศไหนอะไรโดน มาดูกันเลย

วัดพระแก้ว ประเทศไทย

                ขอเริ่มที่บ้านเราก่อนแล้วกัน ที่วัดพระแก้วหรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองไทย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และเป็นส่วนหนึ่งของพระบรมมหาราชวัง การแต่งกายเข้าชมจะต้องแต่งตัวสุภาพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในอุโบสถของวัดพระแก้ว คือ พระแก้วมรกต นักท่องเที่ยวนิยมไหว้ขอพรมาก

จดีย์ชเวดากอง ประเทศพม่า

มหาเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชาวพม่า อายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี สูงตระหง่านกว่า 104 เมตร ภายนอกเป็นสีทองอร่าม บนยอดของพระเจดีย์ประดับด้วยเพชรกว่า 5,000 เม็ด ภายในบรรจุเกศของพุทธเจ้า ทั้งหมด 8 เส้น ตามความเชื่อของชาวพม่าและมอญ การบูชาพระเจดีย์จะทำให้หมดเคราะห์โศก หนีพ้นจากโรคภัย เจดีย์ตั้งอยู่ในเมืองย่างกุ้ง อดีตเมืองหลวงของพม่า

นครวัด ประเทศกัมพูชา

                ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 หนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นมรดกที่ส่งคุณค่าของชาวกัมพูชา ใช้เวลาก่อสร้างมากกว่า 100 ปี  ตัวปราสาทโออ่า กว้างขวาง ภายในมีเสามากกว่า1800 ต้น รองรับน้ำหนักของทั้งปราสาท เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ค่าเข้าชมมีราคาค่อนข้างสูง และแพงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็คุ้มค่ากับการเข้าชม เพราะศิลปะ สถาปัตยกรรมละเอียดและสมบูรณ์มาก นครวัดตั้งอยู่ที่เมืองเสียมราฐ

มัสยิดสุลต่าน โอมาร์ อาลี ไซฟุดดิน ประเทศบรูไน

ขึ้นชื่อว่าเป็นทัชมาฮาล แห่งบรูไน ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงบันดาร์เสรีเบกาวัน ภายนอกโดดเด่นด้วย โดมทองคำ  บนยอดสูงสุดของมัสยิด สถาปัตยกรรมภายในผสมผสานวัฒนธรรมของอิตาลี และชาวอิสลามอย่างลงตัว บรรยากาศภายในนอกร่มรื่นด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ จำลองการเดินอยู่ท่ามกลางสรวงสวรรค์

บลู ลากูน วังเวียง ประเทศลาว

                ชอบแนวธรรมชาติแบบสุด ๆ ต้องแบกเป้ไปจังหวัดวังเวียงสักครั้ง ที่นี่จะมีสิ่งที่เรียกว่า “บลู ลากูน” อยู่หลายจุด มันคือแหล่งน้ำธรรมชาติ ที่มีสีฟ้าใส เหมือนทะเลหรือสระน้ำเลย แต่ว่าไม่มีสารพิษเจอปนใด ๆ ทั้งสิ้น ลงไปเล่นได้ เมืองวังเวียงได้รับความนิยมมากจากชาวเกาหลี และ ไทย

ตึกแฝดปิโตรนาส ประเทศมาเลเซีย

                สูงตะหง่าน 375 เมตร ตั้งอยู่กลางเมืองหลวงอย่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้รับขนานนามว่าเป็นตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก มีทั้งหมด 88 ชั้น สถาปัตยกรรมได้รับแรงบันดาลใจจากศาสนาอิสลาม ออกแบบโดย ซีซาร์ เปลลิ ภายในและรอบโดย มีทั้งสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ

เมอร์ไลอ้อน ประเทศสิงคโปร์

สัญลักษณ์คู่บ้านคู่เมืองชาวสิงคโปร์ ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ลักษณะของรูปปั้นข้างบนเป็นสิงโต ข้างล่างเป็นปลา สะท้อนวิถีชีวิตสมัยก่อนของชาวสิงคโปร์ ตั้งอยู่ในกลางเขตเศรษฐกิจ ตรงข้ามมีห้างยักษ์ และตึกใหญ่ พร้อมการแสดงน้ำพุตระการตา ยามค่ำคืน ถ้าได้ไปต้องได้ถ่ายรูป

โบโรบูดูร์ ประเทศอินโดนีเซีย

                หรือคนไทยรู้จักกันในนามบูโรพุทโธ  ตั้งอยู่บริเวณเกาะชวา โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่สะท้อนความเชื่อของศาสนาพุทธนิกายมหายาน เจดีย์ต่าง ๆ ออกเป็นแบบทรงดอกบัว สะท้อนความเชื่อชาวพุทธ ความสูงทั้งหมด 42 เมตร ภายใน มี10 ชั้น ทั้งหมดก่อสร้างด้วยหินภูเขาไฟ แอนดีไซน์ นิยมขอพรเรื่องโชคดีและความสมหวัง

ช็อกโกแลตฮิลล์ ประเทศฟิลิปปินส์

                หรือเนินเขาช็อกโกแลต ตั้งอยู่บนเกาะโบฮอล ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ ความพีคของสถานที่ท่องเที่ยวนี่คือ เราจะมองเห็นเนินเขาย่อม ๆ สีน้ำตาล สีเขียว ผุดขึ้นมากว่า 1,700 ลูก ขนาดไล่เลียกัน มองแล้วเหมือนก้อนช็อกโกแล็ตบอลเรียงรายกัน กินพื้นที่มากกว่า 50  ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว

เนินทรายสีแดง ประเทศเวียดนาม

                อินเทรนด์ที่สุดก็ต้องแบกเป้ไปแลนมาร์คใหม่ของเวียดนาม ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนทะเลทรายของ AEC ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาก ทะเลทรายดังกล่าวตั้งอยู่ที่จังหวัดมุยเน่ ห่างจากเมืองหลวงไปกว่า 230 กิโลเมตร กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา และมีบริการพาเที่ยวสบาย ๆ

นี่แค่น้ำจิ้มเท่านั้น เพราะว่าแต่ละประเทศยังมีแลนมาร์ก และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกมาก ถ้าอยากเที่ยวต่างประเทศ แต่ไม่รู้จะปักหมุดที่ไหน บอกเลยว่า เขต AEC เราสวยงามใช่เล่นนะ