เสน่ห์ของกีฬาขี่ม้าเป็นกีฬาที่ต้องใช้ความร่วมมือระหว่างคนและสัตว์ เป็นกีฬาที่ต้องใช้ศิลปะ อาศัยความเชื่อใจในกันและกันเป็นอย่างมาก ต่างจากกีฬาที่ใช้ความเร็วแบบอื่น เช่น การแข่งรถ ที่คนสามารถควบคุมทิศทางได้ด้วยเครื่องยนต์ แต่กีฬาขี่ม้านั้น คนจะต้องควบคุมม้าให้เป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้
การขี่ม้าถือเป็นกีฬาที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ในอดีตทางการทหารจะใช้ม้าเป็นพาหนะในการรบ การแข่งม้าได้รับการบรรจุให้เป็นกีฬาในการแข่งขันโอลิมปิกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1956 ที่กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ซึ่งขณะนั้นประเทศออสเตรเลียเป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิก แต่ประเทศเจ้าภาพกลับมีความเข้มงวดมากเกี่ยวกับกฎหมายที่จะนำม้าเข้าประเทศและมีขั้นตอนที่ยุ่งยากมาก ดังนั้นเพื่อตัดความวุ่นวาย ออสเตรเลียจึงตัดสินใจให้เมืองสต็อกโฮล์มเป็นสถานที่แข่งขันกีฬาแข่งม้า ส่วนกีฬาประเภทอื่นก็จัดแข่งขันที่เมลเบิร์นตามเดิม
รู้ไหมว่ากีฬาขี่ม้ามีกี่ประเภทและมีอะไรบ้าง
การแข่งขันจะมีทั้ง 6 ประเภท ได้แก่
1.ศิลปะการบังคับม้า (Dressage)
2.กระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง (Show Jumping)
3.อีเว้นติ้ง (Eventing) ยังแบ่งออกเป็น 4 phase คือ
– Phase A : Roads and Tracks
-Phase B : Steeplechase
-Phase C : Roads and Tracks ครั้งที่ 2
-Phase D : ข้ามภูมิประเทศ
4.รถม้า (Driving)
5.ยิมนาสติกบนหลังม้า (Vaulting)
6.การขี่ม้าวิบาก (Endurance)
กีฬาขี่ม้านั้นไม่จำกัดทั้งอายุและเพศ เน้นความเท่าเทียมกันทั้งชาย-หญิง หากนักกีฬามีร่างกายแข็งแรง สามารถแข่งได้จนถึงอายุมาก ๆ ดังเช่น ในลอนดอนเกมส์ มีนักกีฬาขี่ม้าที่มีอายุมากที่สุดด้วยวัย 71 ปี ชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้ม้ายังเป็นสัตว์ประเภทเดียวที่ได้รับการนำมาแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ และได้รับการให้เกียรติเสมือนเป็นนักกีฬาเลยทีเดียว โดยมีการประกาศชื่อเช่นเดียวกันกับผู้ขี่ม้า และมีการมอบรางวัลให้กับม้าด้วย
อยากเป็นนักกีฬาขี่ม้าต้องเตรียมพร้อมอย่างไรบ้าง
สำหรับคนที่อยากขี่ม้า หรืออยากเป็นนักกีฬาขี่ม้า การเตรียมพร้อมนั้นสำคัญมาก ก่อนอื่นคือคุณจะต้องรักม้าก่อน เพราะการขี่ม้าคือการใช้ใจประสานใจ ถ้าเกิดความกลัวก็คงจะขี่ม้าไม่ได้แน่ ๆ
จากนั้นก็คือการเตรียมอุปกรณ์ในการขี่ม้าที่จำเป็น นั้นก็คือเสื้อผ้าที่ควรสวมแบบมิดชิดและทะมัดทะแมงและเครื่องป้องกันการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างการขี่ม้าได้ ซึ่งอุบัติเหตุที่เกิดจากการขี่ม้าที่เกิดได้บ่อย ๆ และอาจจะทำให้บาดเจ็บได้ 3 ลำดับแรกก็คือ ศีรษะ หลัง และไหล่ ระดับความรุนแรงของอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ก็คือการฟกช้ำจากการกระแทกเวลาตกลงมา แต่บางครั้งก็อาจจะทำให้ถึงขั้นกระดูกหักได้เลยทีเดียว
ดังนั้นอุปกรณ์ที่สำคัญมากที่สุดก็คือ หมวกสำหรับขี่ม้า ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อป้องกันแรงกระแทกที่อาจจะเกิดกับศีรษะได้ขณะเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด รองลงมาคือรองเท้าขี่ม้า ซึ่งเป็นแบบรองเท้าบูท ถ้าเป็นรองเท้าบูทยาวก็จะสามารถป้องกันอาการบากเจ็บในส่วนกระดูกแข้งได้
เมื่ออุปกรณ์พร้อมและกายใจพร้อม ก็ควรหาที่เรียนขี่ม้าโดยมีผู้ฝึกสอนที่มีประสบการณ์คอยสอนอย่างใกล้ชิด ผู้เรียนเองก็ควรอดทนและมีวินัยฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ แล้วคุณก็จะเป็นนักขี่ม้าที่ดีและเก่งขึ้นได้ในที่สุด