หากเที่ยวกรุงฯ ตอนมีแสงแดดรู้สึกร้อน..ลองเที่ยวตอนมีแสงนีออนดูมั้ย

ด้วยว่าประเทศไทยนั้นเป็นประเทศในเขตร้อน จึงทำให้หลาย ๆ ครั้งการจะออกไปเที่ยวนอกบ้านสักครั้ง ต้องพกร่ม พกน้ำ และอุปกรณ์กันแดดกันร้อนอีกหลายชิ้นเยอะแยะไปหมด หลายคนแต่งตัวพร้อมแล้ว แต่พอก้าวเท้าออกจากบ้านเจอแสงแดดอันอบอุ่นถึงขีดสุด ก็เลือกที่จะเปลี่ยนใจเดินกลับเข้าบ้านทันที เมื่อเห็นว่าการนอนเปิดพุงให้พัดลมเป่า น่าจะดูผ่อนคลายเสียมากกว่า ในเมื่อไม่อยากออกไปเจอแสงแดดอันแรงกล้าในยามกลางวัน ทำไมไม่ลองหันมาเที่ยวในตอนเย็นดูบ้างล่ะ วันนี้จะลองพามาดูสถานที่เที่ยวยามเย็นที่น่าสนใจกันสัก 1- 2 แห่ง ตามมาดูกันเลย

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)

วัดพระแก้วจะเปิดให้เข้าภายในช่วงเวลากลางวันเท่านั้น พอหมดเวลา ประตูทางเข้าจะปิดลงพร้อมกับแสงสว่างของพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ หายไป ฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีคราม หลายคนเริ่มเดินทางกลับ หากแต่ลองเดินช้า ๆ รอบวัดพระแก้วดูสักพัก รับลมพัดเย็น ๆที่ มาพร้อมกับแสงสว่างจากหลอดไฟริมถนนรอบวัดพระแก้ว ที่เปิดสว่างขึ้นทีละดวง จะเห็นยอดเจดีย์ ยอดหลังคาวัด และแนวกำแพงหลายเป็นสีเหลืองทองจากแสงไฟที่สาดส่องภายในวัด คล้ายกับวัดเรืองแสงได้เอง พอหันกลับมามองรอบตัวอีกที ทางเท้าด้านหน้าริมกำแพง ท้องถนน อาคารตึกแถวก็เต็มไปด้วยแสงจากหลอดไฟสีเหลืองเฉกต่าง ๆ สว่างไสว ยิ่งในช่วงงานเทศกาลหรืองานเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษแสงจากหลอดไฟ จะส่องสว่างไปทั่วบริเวณสุดลูกหูลูกตา ให้บรรยากาศอันสวยงามแปลกตา ที่ต้องลองเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง

สะพานพุทธ

สะพานพุทธฯ สะพานเหล็กสีเขียวอันมีเอกลักษณ์ ในช่วงเย็นหลายคนปั่นจักรยานมากับแก๊งเพื่อนฝูง หรือเดินจูงมือเดินข้ามสะพานกับคู่รักเพื่อรับลมชมวิวบนสะพานที่เกิดขึ้นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่กลับสวยงามจับตา ท้องฟ้าสีฟ้าอ่อนเจือส้ม พระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงข้างพระปรางค์วัดอรุณฯ เห็นเพียงโครงพระปรางค์ โครงเรือที่แล่นอยู่บนน้ำสีทึบ ผิวแม่น้ำเจ้าพระยาสะท้อนแสงสีส้มอมเหลืองของแสงสุดท้ายของวัน หากอดใจรออีกสักพักจะเห็นเรือ อาคารบ้านเรือน ตึกสูง และวัดอรุณฯ กลับยังคงสว่างไสวเรืองรองด้วยแสงไฟนีออน ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด แสงไฟที่สาดกระทบกับองค์พระปรางค์วัดอรุณฯ สีเหลืองทอง สะท้อนตกลงสู่ผิวแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้ ๆ รวมถึงแสงไฟจากเรือขนาดต่าง ๆ ที่ล่องตามแม่น้ำ ทำให้ผิวแม่น้ำดูเงางามคล้ายกับกระจก แม้แต่ตัวสะพานเองก็สว่างไสวด้วยแสงสีส้มจากหลอดไฟด้านบน เกิดเป็นภาพอันมีเสน่ห์ดึงดูดใจ

กรุงเทพมหานครเมืองที่ไม่เคยหลับใหล แม้แต่ในยามค่ำคืนก็ยังคงสว่างไสวด้วยแสงไฟจากการดำเนินชีวิต ทำให้เกิดภาพอันสวยงามอันแตกต่างจากตอนกลางวันอีกแบบหนึ่ง หลายแห่งกลายเป็นสถานที่ถ่ายรูปหรือเดินเล่นรับลมเย็น ๆ ที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่หลงแสงบางกอกกันไม่น้อยเลยทีเดียว

 

หนึ่งวันกับการเดินเที่ยวสบายๆในย่าน 4 แยกคอกวัว…ถิ่นเก่าแห่งโรงวัวนม

ในย่าน 4 แยกคอกวัว นอกจากถนนข้าวสาร ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติแล้ว หลายคนคงอยากรู้ว่ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรอีกบ้างในย่านนี้ ที่สามารถเดินเที่ยวกันได้ไม่ต้องมานั่งรอรถเมล์ให้เสียเวลาเที่ยว วันนี้ลองมาทำความรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยว ที่สามารถใส่รองเท้าแตะเดินเที่ยวสบาย ๆ จากย่าน 4 แยกคอกวัวกัน

พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่

พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ตั้งอยู่ภายในกุฏิที่สุนทรภู่เคยจำพรรษอยู่ เมื่อครั้งบวชเป็นพระภิกษุ ณ วัดเทพธิดารามวรวิหาร โดยภายในกุฏิมีการแบ่งเป็น 3 ห้อง ซึ่งจะจัดแสดงเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับสุนทรภู่ อาทิ ประวัติความเป็นมาและเส้นทางชีวิต ข้าวของเครื่องใช้ขณะที่สุนทรภู่บวชเป็นพระภิกษุ บอร์ดประลองความรู้เกี่ยวกับกาพย์กลอน ผลงานต่าง ๆ รวมทั้งลายอักษรที่เขียนด้วยสุนทรภู่ของจริง นอกจากนี้ยังมีห้องที่ภายในมีเทคโนโลยี เออาร์ เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมสามารถถ่ายภาพเสมือนจริงร่วมกับสุนทรภู่ได้ นอกจากนี้ยังมีจุดบริการสำหรับเช่าชุดไทย สำหรับผู้สนใจไว้สวมถ่ายภาพอีกด้วย

วัดราชนัดดารามวรวิหาร

รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดให้สร้างขึ้น โดยสิ่งที่สะดุดตาเมื่อเดินเข้าภายในวัดนั่นคือ โลหะปราสาท ซึ่งเป็นโลหะปราสาทหนึ่งในสามแห่งในโลก และยังเป็นเพียงโลหะปราสาทแห่งเดียวที่ยังสมบูรณ์อยู่ ภายในโลหะปราสาทได้มีการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของการก่อสร้าง ภาพของโลหะปราสาทในแต่ละยุคแต่ละสมัย และประวัติโลหะปราสาททั้งสามแห่ง ส่วนตรงกลางของโลหะปราสาทมีบันไดเพื่อขึ้นไปชมวิวพร้อมรับลมเย็น ๆ ด้านบนซึ่งจะเห็นวิวโดยรอบเกาะรัตนโกสินทร์อีกด้วย

หอสมุดกรุงเทพ    

ภายในหอสมุดแห่งนี้จะมีทั้งหมด 4 ชั้น โดยแบ่งเป็นหลากหลายส่วน อาทิ ส่วนของมุมอ่านหนังสือโดยจะมีหนังสือประเภทต่าง ๆ มากมายทั้งนิยาย การท่องเที่ยว หนังสือสำหรับเด็ก หนังสือต่างประเทศ ฯลฯ ส่วนพื้นที่สำหรับเด็กให้ได้อ่านและเล่น ส่วนของการจัดแสดงนิทรรศการ ซึ่งจะมีส่วนของนิทรรศการหลักและนิทรรศการหมุนเวียนที่จัดขึ้นเพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้าชม ส่วนของร้านอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ในแต่ละอาทิตย์หอสมุดกรุงเทพยังมีการจัดบรรยายให้ความรู้ซึ่งหากใครสนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่หน้าห้องจัดบรรยายเพื่อรับฟัง นอกจากนี้ภายในหอสมุดยังมี Wi-fi และคอมพิวเตอร์ให้กับผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกอีกด้วย การเข้าใช้บริการหอสมุดกรุงเทพไม่เสียคาใช้จ่ายใด ๆ เพียงใช้บัตรประจำตัวประชาชนก็สามารถเข้าไปได้ โดยเปิดทุกวันอังคาร – เสาร์ เวลา 08.00 – 21.00 น. และ วันอาทิตย์ เวลา 09.00 – 20.00 น.

บริเวณแถวแยกคอกวัวยังสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่สามารถเดินเที่ยวได้ไม่ไกลจากกันมากนักซึ่งจะให้บรรยากาศในการเที่ยวอีกแบบ เห็นถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อยู่ระหว่างเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวถัดไป ซึ่งจะไม่ทันได้สังเกตแน่นอน หากไม่ได้เดินผ่านเพื่อสัมผัสมันเอง และนี่ล่ะคือเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเดินเที่ยว

 

เที่ยววันหยุดสุดสัปดาห์กันแบบชิลล์ ๆ กับ….พระราชวังเก่าในช่วงสงครามโลก

ในช่วงเวลานั้นที่โลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เกิดความสูญเสียมากมาย ประเทศไทยได้มีการปรับตัวและพัฒนาเพื่อป้องกันการรุกรานจากภายนอกในด้านต่าง ๆโดยสถาปัตยกรรมจากสมัยนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่ยังคงเหลือร่องรอยไว้ให้ศึกษาประวัติศาสตร์ ซึ่งแฝงด้วยกลิ่นอายแห่งการบอกเล่าเรื่องราวแต่ครั้งก่อน โดยเฉพาะวังซึ่งมีหลายแห่งในกรุงเทพฯ ที่ยังคงอยู่และได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมกัน อาทิ

พระราชวังพญาไท

                พระราชวังพญาไทสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ตรงกับช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อเดินเข้ามาภายในวังจะพบกับตึกสไตล์ยุโรปขนาดใหญ่ 4 แห่ง ที่สร้างเชื่อมติดกันด้วยการก่ออิฐฉาบปูน ภายในมีการวาดภาพปูนเปียก ปูนแห้งตามผนัง มีการตกแต่งอย่างหรูหราอย่างตะวันตกตั้งแต่ราวบันได โคมไฟ ตัวเครื่องเรือนเครื่องใช้ จนถึงห้องด้านบนสุดห้องหนึ่งของวัง เมื่อมองลงมาด้านล่างจากทางหน้าต่างที่เปิดอ้ารับลมไว้ ก็จะพบกับสวนโรมันขนาดใหญ่ ที่มีลานเวทีแบบโรมัน ลานน้ำพุ รูปปั้นโรมัน และสวนต้นไม้ดอกไม้นานาชนิด ที่ได้รับการตัดแต่งอย่างสวยงาม วังพญาไทนั้นสามารถเดินมาจากบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ และเปิดให้เข้าชมทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 09.30 น. และ 13.30 น. สำหรับวันจันทร์ – วันศุกร์ จะต้องทำหนังสือขออนุญาตเข้าชมก่อน

วังสวนผักกาด

                วังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายนอกอาณาเขตของวังสวนผัดกาด จะรอบล้อมไปด้วยตึกสูงและความเจริญต่าง ๆ หากแต่เมื่อก้าวเข้ามาในเขตวัง ก็จะพบบรรยากาศที่ราวกับหลุดกลับไปในช่วงเวลาสมัยก่อน ด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่นแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ทั่วอาณาเขต ทั้งไม้พุ่ง ไม้เลื้อย หรือไม้ยืนต้นสูง ที่มีมากมายหลากหลายชนิด เป็นแหล่งที่พักอาศัยของเหล่านก ที่บางครั้งส่งเสียงร้องสร้างความเพลิดเพลินให้แก่ผู้มาเยี่ยมชม เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ จะเห็นน้ำพุขนาดเล็กในบ่อน้ำใกล้กับเรือนไทยโบราณ ที่มีอยู่หลายหลัง ตั้งเรียงรายไม่ไกลกันมากนัก โดยแต่ละหลังได้มีการจัดแสดงข้าวของโบราณต่าง ๆ ทั้งพวกเครื่องสังคโลก เครื่องดนตรีโบราณ อาวุธโบราณ พระพุทธรูปสำริดสมัยสุโขทัย โบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ และวัตถุโบราณทั้งไทยทั้งต่างประเทศ นอกจากนี้ยังคงมีหลุมหลบระเบิด อีกหนึ่งหลักฐานที่หลงเหลือไว้จากช่วงยุคสงครามโลก หากสนใจจะเข้าเยี่ยมชมวังสวนผักกาดนั้นสามารถเข้าชมได้ทุกวัน เวลา 09.00 น. – 16.00 น.

หากคุณกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวแบบชิลล์ ๆ แฝงกลิ่นอายคลาสสิค ไม่ต้องเดินทางไกลและค่าใช้จ่ายสบายกระเป๋า เพื่อพาร่างกายอันอ่อนล้าจากการเรียนหรือการทำงาน ไปเติมพลังและถ่ายรูปกับสถานที่สวย ๆ ไว้อัพลงโซเชียล การท่องเที่ยววังเก่าก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งน่าสนใจทีเดียว