Seoul World Cup Stadium หนึ่งที่เที่ยวในเกาหลีใต้ที่คุณไม่ควรพลาด

ประเทศเกาหลีใต้ในความคิดของใครหลาย ๆ คนก็จะทำให้นึกถึงการช้อปปิ้งจับจ่ายซื้อเครื่องสำอาง รวมถึงวงการเคป็อปที่นับเป็นหน้าเป็นตาให้กับเกาหลีใต้ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าหากคุณอยากเข้ามาสัมผัสการท่องเที่ยวของเกาหลีใต้ที่มากกว่าความบันเทิงและหลีหนีความอึกทึกครึกโครมจากตัวเมือง เราก็อยากแนะนำให้คุณได้รู้จักกับ Seoul World Cup Stadium รวมถึงสถานที่ใกล้เคียงที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง ซึ่งอาจเป็นอีกเส้นทางการท่องเที่ยวที่คุณสามารถเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจได้ตลอดทั้งวันอย่างไม่รู้จักคำว่าเบื่อ

Seoul World Cup Stadium สนามกีฬายิ่งใหญ่ระดับเอเชีย

Seoul World Cup Stadium หรือชาวท้องถิ่นจะเรียกว่า Sangam Stadium สร้างขึ้นเพื่อในการแข่งขันฟุตบอล FIFA World Cup 2002 เป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของเกาหลีใต้ สามารถจุผู้ชมในสนามได้กว่า 66,000 ที่นั่ง ยังไม่รวมพื้นที่สำหรับห้องส่วนตัวที่มีมากถึง 75 ห้อง สนามถูกออกแบบมาในรูปแบบที่คล้ายว่าวเกาหลีเอกลักษณ์แบบดั้งเดิม ทำให้สนามกีฬาแห่งนี้เป็นสนามรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีความสูงถึง 50 เมตร มีเสากระโดงรองรับ 16 ต้น และครอบคลุม 90 เปอร์เซ็นของพื้นที่ในสนาม โครงสร้างที่หุ้มด้วยผ้าใยแก้วและกระจกโพลีคาร์บอเนตที่สะท้อนเงาได้อย่างงดงาม เป็นเอกลักษณ์คล้ายทำมาจากกระดาษฮันจี ที่เป็นกระดาษเกาหลีแบบดั้งเดิม ยิ่งเมื่อมองดูสนามกีฬาแห่งนี้ในยามค่ำคืน คุณก็จะเห็นแสงไฟสีนวลที่สะท้อนออกมา สร้างความอบอุ่นสายตาราวกับมองโคมไฟโบราณ

สถานที่เที่ยวยอดฮิตใกล้ Seoul World Cup Stadium

นอกจากการไปเยือน Seoul World Cup Stadium ที่คุณจะได้สัมผัสความอลังการของสนามกีฬาระดับเอเชียแล้ว ไม่ไกลจาก Seoul World Cup Stadium ยังเป็นที่ตั้งของ World Cup Park ที่เป็นสวนนิเวศวิทยาที่เกิดขึ้นจากการปรับปรุงพื้นที่ด้วยการฝังกลบขยะจำนวนมหาศาล และพัฒนาเป็นพื้นที่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจนถึงปัจจุบัน เป็นสถานที่พักผ่อนของครอบครัวชาวเกาหลีใต้ รวมถึงนักท่องเที่ยวก็ต่างพากันมาพักผ่อนหย่อนใจ ตลอดจนชื่นชมบรรดาทุ่งดอกไม้ที่สวยงามรอรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยวอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

ภายใน World Cup Park ประกอบไปด้วยสวนสาธารณะห้าแห่งด้วยกัน

  1. Pyeonghwa (Peace) Park หรือ สวนสันติภาพพยองฮวา ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม Seoul World Cup Stadium สร้างเพื่อระลึกถึงการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2020 ที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ชื่อของสวนแห่งนี้ก็สื่อถึงสันติภาพและเอกภาพของโลก ด้านในยังมี UNICEF Plaza, สระน้ำนันจิ, สวนป่า, สนามเด็กเล่นและพิพิธภัณฑ์ World Cup Park
  2. Haneul Park หรือ สวนฮานึล คำว่า ฮานึลในภาษาเกาหลีนั้น แปลว่าท้องฟ้า ซึ่งสวนแห่งนี้ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของ World Cup Park การขึ้นไปยังสวนฮานึลนอกจากมีรถบัสขนาดเล็กให้บริการแล้ว คุณสามารถเดินขึ้นบันได้กว่า 291 ขั้นได้อีกด้วย สวนฮานึลนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่ทำให้คุณมองเห็นวิวทิวทัศน์อันงดงามของกรุงโซลได้อย่างตื่นตาตื่นใจ
  3. Noeul Park หรือ สวนโนอึล เป็นอีกสวนสาธารณะที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่ง ที่นี่คุณจะได้พบกับสัตว์ป่าขนาดเล็ก อย่างเช่น กวาง แรคคูน เป็นต้น ดื่มด่ำกับงานศิลปะ ปติมากรรมบนสนามหญ้า ที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมของชนชาติเกาหลีได้อย่างใกล้ชิด ชื่นชมวิวแม่น้ำฮันและพระอาทิตย์ตกดิน
  4. Nanjicheon Park หรือ สวนนันจิชอน สวนนี้สร้างขึ้นตามลำธารที่ไหลมาจากใต้สวนฮานึล ซึ่งเคยเป็นแหล่งน้ำเสีย แต่ได้รับการปรับปรุงจนเป็นลำธารที่ใสสะอาด ในสวนมีเวทีกลางแจ้งและอุปกรณ์กีฬาเพื่อให้ผู้มาเยือนได้ออกกำลังท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์
  5. Hangang Riverside Park หรือ สวนสาธารณะฮันกัง สวนนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำฮัน เป็นพื้นที่ศึกษาธรรมชาติ ผู้มาเยือนสามารถเล่นฟุตบอล เล่นบาสเกตบอล หรือนั่งเล่นบนสนามหญ้าอย่างสบายใจท่ามกลางสายลมโชยริมแม่น้ำ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ตกหลุมรักประเทศเกาหลีใต้และยังไม่เคยมาเยือน Seoul World Cup Stadium และสวนสวยต่างๆ ใน World Cup Park ที่เราได้แนะนำ คุณก็อย่ารอช้าที่จะให้ที่แห่งนี้อยู่ในแผนการเดินทางของคุณในครั้งหน้า รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวัง เมื่อคุณได้มาเห็นความงดงามด้วยตาของคุณเอง

เครดิตภาพ : https://pixabay.com/fr/photos/stade-de-la-coupe-du-monde-sangam-2923634/

โคลอสเซียม (Colosseum) สนามกีฬาแห่งจักรวรรดิโรมัน หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ที่ต้องไปเยือน

ถ้าหากให้นึกถึงสนามกีฬาที่เก่าแก่ที่สุดของโลกแน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของสนามกีฬาโคลอสเซียม (Colosseum) ติดอยู่ในรายชื่อเหล่านั้นอย่างแน่นอน สนามกีฬาสุดเก่าแก่แต่ยังคงเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนกรุงโรม ประเทศอิตาลี จะต้องไปสัมผัสกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมขนาดยักษ์นี้ด้วยตาของตัวเองสักครั้งหนึ่ง

น่าทึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่ของโลก

โคลอสเซียม  (Colosseum) ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่ของโลก ที่มีความเก่าแก่กว่า 1,900 ปี ถูกสร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 1 สมัยจักรพรรดิเวสเปเซียนแห่งจักรวรรดิโรมัน ใช้เวลาสร้างรวม 10 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ ซึ่งตรงกับสมัยของจักรพรรดิไททัส โคลอสเซียมเป็นสนามกีฬากลางแจ้งของมหึมา ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม สร้างขึ้นจากหินทราเวอร์ทีน (Tarvertine), หินทัฟฟ์ (Tuff) และหินคอนกรีตที่ก่อด้วยอิฐ ท่ามกลางความไร้เทคโนโลยีสมัยใหม่ การสร้างโคลอสเซียมนั้นคือความมหัศจรรย์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือของมนุษย์และสามารถต้อนรับผู้ชมได้กว่า 50,000 ชีวิต

ความยิ่งใหญ่ของโคลอสเซียมที่คุณอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง นั่นก็คือการถูกใช้เป็นสนามแข่งขันสำหรับเกลดิเอเตอร์เพื่อใช้ต่อสู้เยี่ยงนักรบ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ของคนด้วยกันเองอย่างพวกทาสที่ต้องการอิสรภาพ หรือคนทั่วไปที่แสวงหาเงินรางวัล ไปจนถึงทหารยอดฝีมือที่อยากประลองกำลัง รวมไปถึงการต่อสู้เอาชีวิตรอดจากสัตว์เดรัจฉานที่ขึ้นชื่อว่าแสนดุร้าย เช่น เสือ สิงโต วัวกระทิง หมียักษ์ ซึ่งผู้ที่คลั่งไคล้การต่อสู้ และกลิ่นคาวเลือดก็มักจะนิยมเข้ามาชมการต่อสู้และวางเดิมพันกันอย่างสนุกสนานในสนามกีฬาแห่งนี้

จากสังเวียนต่อสู้ สู่โบสถ์แห่งคริสตจักร จนกลายมาเป็นสถาปัตยกรรมโรมันอันลือชื่อ

โคลอสเซียมประสบปัญหาบ่อยครั้งจากแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นหลายครั้งจนสร้างความเสียหายอย่างมาก รวมทั้งกรุงโรงถูกรุกรานจนตกอยู่ในภาวะสงครามก็ทำให้โคลอสเซียมถูกทำลายไปด้วย จนกระทั่งหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ของอิตาลี ช่วง ค.ศ. 590 – 604 โป๊ปเกรกอเรียส แมกนุส องค์ประมุขคริสตจักรคาทอลิก ได้เป็นผู้นำในการบูรณะโคลอสเซียม พระองค์ทรงมีดำริให้เปลี่ยนสังเวียนการต่อสู้นี้ ให้กลายเป็นโบสถ์แห่งคริสตจักรคาทอลิก จนถึงยุคของกษัตริย์นโปเลียน โคลอสเซียมก็ได้รับการบูรณะเรื่อยมา

จนถึงยุคสมัยปัจจุบันโคลอสเซียมได้รับการซ่อมแซมบูรณะครั้งใหญ่จากการสนับสนุนงบประมาณของธนาคารเอกชนแห่งหนึ่ง จนแล้วเสร็จในปี ค.ศ.2003 ซึ่งในปัจจุบันอดีตสังเวียนเลือดแห่งนี้ก็กลายเป็นสถาปัตยกรรมโรมันที่โด่งดัง นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอันดับต้น ๆ ของกรุงโรม ที่ในแต่ละปีมีผู้มาเยือนไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคนต่อปี

เป็นที่น่าเสียดายที่ในปี 2020 นี้ อิตาลีเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ประสบปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 จนทางภาครัฐต้องดำเนินมาตรการ “ปิดเมือง”  ทำให้กรุงโรมตกอยู่ในสภาพเมืองที่ไร้นักท่องเที่ยว โคลอสเซียมที่เคยรองรับผู้คนจากทั่วทุกสารทิศก็เงียบเหงาในรอบหลายร้อยปี รออีกไม่นานเมื่อการแพร่ระบาดของโรคร้ายนี้สงบลง เชื่อเหลือเกินว่าผู้คนมากมายก็ยังคงหลั่งไหลกลับไปสัมผัสความยิ่งใหญ่ของกรุงโรม และไม่ลืมที่จะไปเยือนสถาปัตยกรรมโบราณที่ชื่อว่าโคลอสเซียมนี้อย่างแน่นอน

เครดิตภาพ : https://pixabay.com/photos/rome-colosseum-italy-antique-arena-601950/

5 คาเฟ่สัตว์เลี้ยงใจกลางเมือง ที่คนรักสัตว์ชาวกรุงต้องห้ามพลาด

ร้านนั่งเล่นแบบเดิม ๆ น่าเบื่อ ๆ อาจจะดูธรรมดาไป เมื่อเทียบกับร้านนั่งเล่นยุคใหม่ ที่ใสโน้น เติมนี่ ผสมนั่น จนทำให้ร้านมีความโดดเด่น ไม่น่าเบื่อ และที่สำคัญ ยังเรียกลูกค้าให้เข้าร้านได้มากขึ้นอีกด้วย

และในยุคนี้ !! อะไรก็คงไม่ฮอตฮิตไปกว่าคาเฟ่สัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นร้านนั่งเล่นสุดน่ารัก และจะยิ่งน่ารักไปกว่าเดิมเมื่อมีเจ้าขนปุยตัวน้อย เดินเพ่นพ้านอยู่เต็มร้าน วันนี้ eastravelnow ก็มีคาเฟ่สัตว์เลี้ยงน่ารัก ๆ ที่เหล่าคนรักสัตว์ต้องห้ามพลาด มาฝากเพื่อน ๆ ทุกคน

1.Gog In Town Cafe @เอกมัย ซอย 6

คาเฟ่น้องหมาสุดชิค ที่ชื่อของน้องหมาแต่ละตัวนี่เรียกได้ว่าเก๋ไก๋สุด ๆ เพราะตั้งชื่อตามสถานีรถไฟฟ้า และหากเพื่อน ๆ ที่มาเยี่ยมเยือนที่นี่ก็จะได้สัมผัสกับน้องหมาสุดน่ารักหลากหลายสายพันธุ์ที่พร้อมจะยิ้มแฉ่งต้อนรับทุกคนอย่างเป็นมิตร ที่นี่มีขนมและเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟ และใครอยากพาสัตว์เลี้ยงของตัวเองมาที่นี่ ทางร้านก็ไม่ห้ามค่ะ แถมยังมีบริการสปาหมา อาบน้ำ ตัดขน ที่นี่มีบริการให้อย่างครบวงจร

2.HoPs Dog Cafe : The House of Paws Dog Cafe @สยามสแควร์ ซอย 5

เตรียมตัวพบกับเหล่าน้องหมาแสนซนได้ที่ร้านคาเฟ่หมาใจกลางกรุงเทพฯ อย่าง HoPs Dog Cafe ซึ่งตั้งอยู่ที่สยามสแควร์ซอย 5 เพียงแค่ลงรถไฟฟ้า BTS สถานีสยาม แล้วเดินเข้ามาบริเวณสยามสแควร์ซอย 5 ก็จะเจอกับร้านอาหารที่มีน้องหมามานั่งเล่นเป็นเพื่อน ใครที่รักหมา อย่าลืมแวะมานะคะ

3.Makura Cat Cafe @ซ.ศรีนครินทร์ 51 ข้างห้างซีคอนฯ

ข้ามมาที่ฝั่งคาเฟ่น้องแมวกันบ้างค่ะ กับคาเฟ่สุดคิวท์สไตล์ญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่ ซ.ศรีนครินทร์ 51 ใครที่มาที่นี่จะได้เห็นน้องแมวสุดน่ารักหลากหลายสายพันธุ์ แถมยังไม่ดุ และเป็นมิตรกับคนมาก ๆ ที่นี่มีอาหารหลากหลายเมนูให้เลือก อีกทั้งยังแบ่งรายได้ไปบริจากเพื่อช่วยเหลือน้องแมวไร้บ้านด้วยนะคะ

4.Cat Up Cafe @The Up พระราม 3 

คาเฟ่แมวสุดโอ่โถงกว้างขวางย่านสาทร เดินทางสะดวก เพียงแค่ลงรถไฟฟ้า BTS สถานีช่องนนทรี จากนั้นต่อรถด่วน BRT มาลงสถานีถนนจันทน์ เดินมาที่ศูนย์การค้า The Up พระราม 3 คุณก็จะได้พบกับร้านคาเฟ่แมวสุดน่ารักแห่งนี้ ที่นี่เป็นแหล่งรวมน้องแมวพันธุ์หายากที่บอกได้เลยว่าเหล่าทาสแมวต้องห้ามพลาด

5.Little Zoo Cafe @JJ Plaza 171, Zone D

ร้านสุดชิคที่รวบรวมเหล่าสัตว์หายากมาไว้ในร้านกาแฟแห่งนี้ ที่นี่มีสัตว์เลี้ยงแปลก ๆ หลากหลายสายพันธุ์จากทั่วทุกมุมโลกรอเราอยู่ที่นี่ รับรองว่าทุกคนต้องตื่นตาตื่นใจ สัตว์เหล่านี้ถูกนำเข้ามาอย่างถูกกฏหมาย แต่ที่นี่จะไม่มีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการเหมือนคาเฟ่สัตว์ทั่วไป แต่รับรองได้เลยว่าถูกใจคนรักสัตว์แน่นอน

เชื่อว่า 5 สถานที่เหล่านี้คงเป็นสวรรค์ของคนรักสัตว์อย่างแท้จริง ใครว่าง ๆ ก็ลองแวะไปสัมผัสบรรยากาศอันสุดแสนจะน่ารักนี้ดูนะคะ รับรองว่าถูกอกถูกใจกันอย่างแน่นอนค่ะ

 

bk.asia-city

 

5 เกาะสวยน้ำใส… อยู่ใกล้กรุงเทพฯ เดินทางไม่ไกลก็เที่ยวได้

เหนื่อยจากงานมาเราก็ต้องการการพักผ่อนอย่างสบายใจ แต่ร่างกายเจ้ากรรมก็ดันต้องการทะเลซะงั้น !! ทีนี้จะทำอย่างไรดี… คำตอบง่าย ๆ ค่ะ ก็แค่หาทะเลสวย ๆ น้ำ ใส ๆ ใกล้กรุงเทพฯ ยังไงล่ะ

และโชคดีที่ทะเลสวย ๆ ในประเทศไทยมีเยอะแยะมากมายให้เลือกไป อีกทั้งยังมีที่ใกล้กรุงเทพฯ แบบว่าเดินทางไม่นานก็ได้สัมผัสบรรยากาศท้องทะเลสวยใสได้ไม่ยาก วันนี้ eastravelnow ได้รวบรวมแหล่งทะเลสวย ๆ 5 แห่ง ใกล้กรุงเทพฯ ไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ชอบเดินทางนาน ๆ มาฝากค่ะ

1. เกาะล้าน พัทยา

เกาะที่เดินทางง่ายและสะดวกที่สุด แถมยังอยู่ใกล้กรุงเทพฯเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น วิธีการเดินทางง่าย ๆ เพียงแค่นั่งรถตู้มาลงที่ท่าเรือแหลมบารีฮายจากนั้นต่อเรือก็ไปถึงเกาะล้านได้อย่างง่ายดาย เกาะล้านถือเป็นเกาะยอดฮิตที่เป็นที่นิยมของเหล่านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเพราะเดินทางสะดวก มีหาดทรายและน้ำทะเลที่สวยงาม

2. เกาะเสม็ด ระยอง

อีกหนึ่งเกาะยอดฮิตที่มีน้ำทะเลสีใส หาดทรายสีขาวราวกับสวงสวรรค์ แถมยังเดินทางได้ง่ายด้วยรถตู้และต่อเรือมาที่เกาะ ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ เราก็จะได้พบกับความสวยงามและความใสของน้ำทะเลซึ่งเป็นเกาะที่เล่าขานว่าเป็นเกาะแก้วพิสดารในวรรณคดีไทยเรื่องพระอภัยมณี

3. เกาะมันนอก ระยอง

เกาะมันนอกมีหาดทรายละเอียดขาวเหมือนในฝั่งอันดามัน เกาะสวยสงบฝั่งทะเลตะวันออก เป็นอีกหนึ่งจุดหมายของคนรักสีฟ้าที่ต้องหาโอกาสมาสัมผัสความงามให้ได้ซักครั้ง ที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ การเดินทางมาที่นี่ ต้องซื้อแพคเกจจากทางรีสอร์ทเท่านั้น และจะไม่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ซื้อแพคเกจขึ้นไปเที่ยวชม

4. เกาะสีชัง ชลบุรี

เกาะสีชังขึ้นชื่อว่าเป็นสถานตากอากาศที่มีชื่อเสียงมานานนับร้อยปีจนถึงปัจจุบัน มีธรรมชาติความงดงามแตกต่างไปจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ เดินทางง่ายอยู่ใกล้กรุงเทพฯ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่เหล่าคู่รักนิยมมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันที่นี่อีกด้วย

5. เกาะขาม สัตหีบ

เกาะขามเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าเยี่ยมชมเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์เท่านั้น อีกทั้งยังมีการจำกัดนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปเยี่ยมชมเกาะ แต่เกาะแห่งนี้เป็นเกาะสวยใสยอดฮิต ที่กำลังมาแรงสุด ๆ มีหาดทรายขาวละเอียดดุจแป้ง น้ำทะเลสีฟ้าใส ต้องเรียกว่าความสวยงามระดับทะเลใต้เลยทีเดียว

ทีนี้ก็หมดข้ออ้างที่จะพาตัวเองไปเที่ยวแล้วนะคะ เพราะเราเสิร์ฟสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ ใกล้กรุงเทพฯ แถมเดินทางได้ง่ายขนาดนี้ เตรียมตัวแพ็คกระเป๋ากันได้เลยค่ะ

 

bangkok

5 จังหวัดแหล่งท่องเที่ยวเมืองไทย ที่ฝรั่งการันตีว่าห้ามพลาด !

เมืองไทย ถือเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของเหล่านักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างเมืองใหม่สไตล์โมเดิร์น และอารยธรรมโบราณจากประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังมีธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งป่าเขา ชายหาด และน้ำทะเลที่สวยติดอันดับโลก จึงไม่แปลกใจว่าทำไมประเทศไทยถึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของเหล่านักเดินทาง

และด้วยการที่เมืองไทยนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ บ้านเรือน ตึกสวย ๆ หรือย่านเมืองต่าง ๆ แต่ก็ยังมี 5 สถานที่ ที่เหล่านักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด และได้รับการการันตีจากนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วว่า หากมาที่เมืองไทย ต้องไม่พลาดสถานที่เหล่านี้ เรามาดูกันดีกว่า ว่าสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้น มีอะไรบ้าง

1. กรุงเทพมหานคร

เมืองหลวงที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในที่แห่งนี้ สัมผัสชีวิตคนเมืองสุดโมเดิร์นทันสมัยอย่างย่านสุขุมวิท สาทร อีกทั้งยังได้สัมผัสกับชีวิตคนเมืองเก่าตามริมแม่น้ำเจ้าพระยาและวัดวาอารามที่สวยงามอิงตามประวัติศาสตร์ ทั้งวัดพระแก้ว วัดภูเขาทอง และบรรยากาศสุดแสนจะวินเทจอย่างย่านบางลำภู ถนนพระอาทิตย์ ไล่มาจนถึงปากคลองตลาด ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวไว้ได้อย่างลงตัวเข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเรียกได้ว่ามากรุงเทพฯ แล้ว จะได้ครบทุกรสชาติจริง ๆ

2. เชียงใหม่

สัมผัสบรรยากาศของเมืองเหนือสุดน่ารัก และวัดวาอารามที่สวยงามตราตรึงใจอย่างวัดพระธาตุดอบสุเทพ พร้อมทั้งท่องเที่ยวแหล่งธรรมชาติอย่างดอยต่าง ๆ ตลาดบรรยากาศสุดเก๋และผู้คนที่เป็นมิตรและมีความน่ารัก นอกจากนี้หากได้มาเยือนที่แห่งนี้ เพื่อน ๆ จะได้ยินสำเนียงภาษาที่ไพเราะมาก ๆ อีกด้วย

3. สุโขทัย

 

 

 

 

 

 

 

สุดยอดเมืองเก่าเล่าประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่เคยรุ่งเรืองมากในช่วง 800 ปีก่อน จังหวัดสุโขทัยตั้งอยู่ที่ภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งเคยมีประวัติความรุ่งเรืองและเกี่ยวพันกับเมืองใหญ่ทางประวัติศาสตร์อื่น ๆ การได้มาเยี่ยมเยือนที่นี่ ทำให้คุณได้เรียนรู้ประวัตอศาสตร์ไปพร้อม ๆ กับการสัมผัสเมืองโบราณที่สวยงาม

4. ภูเก็ต

จังหวัดทางภาคใต้ที่อุดมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หากทรายสีขาวสวยงาม และน้ำทะเลใสราวกับคริสตัล พร้อมกิจกรรมที่เหล่านักผจญภัยต้องไม่พลาดที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำน้ำตื้น ดำน้ำลึก ล่องเรือ หรือแม้แต่ลงเล่นน้ำทะเลใส ๆ ขึ้นชื่อว่าติดอันดับทะเลที่สวยที่สุดแล้ว ภูเก็ตจะไม่ทำให้นักท่องเที่ยวผิดหวังอย่างแน่นอน

5. กระบี่

อีกหนึ่งจังหวัดที่มีหาดทรายขาวเนียนละเอียด และน้ำทะเลสีฟ้าสดใสไม่แพ้ภูเก็ต นั่นก็คือกระบี่นั่นเอง กระบี่มีหาดที่มีชื่อเสียงอย่างอ่าวนาง ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความสวยงาม และนอกจากนี้ยังมีเกาะเล็กเกาะน้อยรอให้นักท่องเที่ยวไปสำรวจมากถึง 130 เกาะ ใครชื่นชอบการเที่ยวเกาะ ต้องห้ามพลาด

แล้วเพื่อน ๆ ได้ไปเยี่ยมเยือนที่ไหนกันมาบ้างแล้วคะ นอกจาก 5 จังหวัดเหล่านี้ เราเชื่อว่าประเทศไทยก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าค้นหาอีกมากมายที่รอเพื่อน ๆ ไปพิสูจน์กันอยู่

 

davidsbeenhere

3 กิจกรรมน่าทำ ที่เหล่านักท่องเที่ยวชาวไทยกลับมองข้าม

ประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก ด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม และค่าครองชีพที่ไม่สูงมากนัก จึงทำให้ประเทศไทยมีความโดดเด่น และเป็นที่น่าสนใจของเหล่านักท่องเที่ยว

และบ้านเราก็มีกิจกรรมอยู่ไม่น้อย ที่โด่งดังมากในหมู่นักท่องชาวต่างชาติ แต่ในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย กลับไม่เป็นที่นิยมมากนัก เราไปดูกันค่ะ ว่ากิจกรรมเหล่านั้นคืออะไรบ้าง

1. ชมแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์

นักท่องเที่ยวชาวไทยไม่ค่อยให้ความสนใจกับแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ อย่างโบราณสถาน หรือวัดวาต่าง ๆ มากนัก อาจจะเนื่องมาจากทางภาครัฐและการประชาสัมพันธ์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ แต่เน้นไปที่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากกว่า

2. เข้าชมพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ

บ้านเรามีพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ที่น่าสนใจมากมาย และการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ก็ถือว่าเป็นการท่องเที่ยวที่ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ที่มาเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับชุมชนได้ แต่คนไทยน้อยคนนักที่จะท่องเที่ยวตามแหล่งพิพิธภัณฑ์ ด้วยเหตุผลที่ว่าอาจจะน่าเบื่อและไม่น่าสนใจเหมือนแหล่งท่องเที่ยวแหล่งอื่น ๆ

3. อาบน้ำช้าง

กิจกรรมสุดเก๋ ที่เหล่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างให้ความสนใจ และฮอตฮิตมาก ๆ ในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ถือว่าไม่ติดอันดับเลยไม่ว่าจะอันดับที่เท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะนักท่องเที่ยวชาวไทยคุนเคยกับสัตว์คู่บ้านคู่เมืองอยู่แล้ว และการอาบน้ำช้างอาจจะไม่ใช่เรื่องน่าพิสมัยสำหรับพวกเราเท่าใดนัก

บ้านเราถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีความเป็นเอกลักษณ์ไม่แพ้ที่ใดในโลกค่ะ ดังนั้น เรามาใส่ใจกับแหล่งท่องเที่ยวที่เคยมองข้าม เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ไปพร้อม ๆ กันนะคะ

 

getyourguide

7 ถนนที่สวยที่สุดในโลก ที่เหล่านักท่องเที่ยวต้องไปเหยียบสักครั้งในชีวิต

ไม่ใช่ทุกสถานที่ที่จะสวยงามจนน่าจับตามองหรือทำให้เราตะลึงไปกับความงดงามนั้น ถนน ก็เช่นเดียวกัน ถนนบางที่ทรุดโทรมผุพัง แต่ก็มีถนนอีกหลายที่ ที่สวยงามจนเราต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต

วันนี้ eastravelnow ได้รวบรวมถนน 7 สายที่สวยงามจนคุณต้องตกตะลึงและต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต เรามาดูกันว่าถนนเหล่านั้นคืออะไร และอยู่ที่ไหนบ้าง

1. La Boca, Buenos Aires, Argentina

ประเทศที่ห่างไกลจากบ้านเรา มีถนนที่งดงามมาก ๆ อยู่ในละแวก La Boca ในเมืองหลวงอย่าง  Buenos Aires ประเทศ Argentina ถนนที่สวยงามนี้เกิดขึ้นในยุคศตวรรษที่ 19 ที่เหล่าคนขาวชาวอิตาลีได้ทำการอพยพย้ายถิ่นฐานมายังที่แห่งนี้ ซึ่งการสร้างบ้านเรือนก็จะอาศัยวัสดุเหล็กจากเรือที่พวกเขาเดินทางมา และนำมาทาสีใหม่ให้ได้สีสันที่สวยงามจนกลายเป็นถนนที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามมาก ๆ แห่งหนึ่ง

2. Lombard Street, San Francisco, US

Lombard Street กลายเป็นหนึ่งในถนนที่น่าจับตามองและน่ามาเยืนสักครั้งในชีวิต เพราะเป็นถนนที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งที่ประดับไปด้วยพุ่มไม้และดอกไม้ที่สวยงาม นักท่องเที่ยวต่างชื่นชอบที่จะดูรถขับลงมาจากเนินนี้ ซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจ

3. Chefchaouen Street, Morocco

ถนนที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ในเรื่องของเฉดสีน้ำเงินที่หลากหลาย ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ Morocco การที่ถนนเหล่านี้เป็นสีน้ำเงินนั่นก็เพราะชาวยิวที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่นี่ ต่างมีความเชื่อในเรื่องของสีน้ำเงินที่จะช่วยให้เขาอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้น จึงนิยมทาสีสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เป็นสีน้ำเงิน จนได้ถนนที่วสยงามอยู่จนถึงทุกวันนี้

4. Jerez de la Frontera, Andalusia, Spain

ถนนที่สุดแสนจะสวยงามชวนฝันนี้เป็นที่รู้จักและเลื่องลือในเรื่องของไวน์ในประเทศสเปน ถนนแห่งนี้เป็นถนนแห่งประวัติศาสตร์เกี่ยวกับไวน์องุ่นที่เติบโตเลื้อยพันกำแพงและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ จนกลายมาเป็นถนนที่สวยงามมาก ๆ อีกแห่งหนึ่งของโลก

5.  Old Town, Lijiang, China

สวยจนขึ้นชื่อว่าเป็นมรดกโลกกับเมืองเก่า ที่ Lijiang ประเทศจีน ถนนสายนี้มีความเก่าแก่มากถึง 1000 ปี โดดเด่นเรื่องทางเดิน และถนนอุโมงค์ที่สวยงาม ซึ่งถือว่าเป็นเส้นทางที่สวยงามมาก ๆ จนติดอันดับโลก สวยงามแบบนี้ เพื่อน ๆ ต้องไม่พลาดไปเยี่ยมชมนะคะ

6. Cherry Blossom Avenue, Bonn, Germany

อุโมงค์ต้นไม้ที่สวยงามมาก ๆ อีกแห่งหนึ่งในยุโรป ตั้งอยู่ที่เมือง Bonn ประเทศเยอรมนี มีความโดดเด่นเรื่องสีสันที่สวยงามของต้นเชอร์รี่บลอสซั่ม ซึ่งจะออกดอกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สร้างสีสันสวยงามจนทำให้ถนนแห่งนี้กลายเป็นถนนที่สวยงามมาก ๆ อีกแห่งหนึ่ง

7. Bregagh Road, Ballymoney, Northern Ireland

สำหรับใครที่ชื่นชอบอุโมงค์ต้นไม้ ต้องไม่พลาดที่นี่ เพราะถนนแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง ที่เติบโตและเกี่ยวพันกันเป็นอุโมงค์และถนนแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยสีเขียวและดูร่มรื่นสุด ๆ แถมที่นี่ยังทำให้นึกถึง HBO show ของ Game of Thrones อีกด้วย

เป็นอย่างไรกันบ้าง กับถนนสวย ๆ เหล่านี้ เชื่อว่าความสวยงามของเหล่าสิ่งปลูกสร้างและธรรมชาติเหล่านี้ จะช่วยกระตุ้นต่อมอยากของเหล่าขาเที่ยวทั้งหลายได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ

 : architecturaldigest