รวม 6 ที่เที่ยวญี่ปุ่น ที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาชม

ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่หลายคนอยากจะไปเที่ยวกันดูสักครั้ง ซึ่งหากใครมีโอกาสได้ไปแต่ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนดี วันนี้เราก็มีสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตในญี่ปุ่นมาแนะนำเช่นกัน รับรองว่าจะต้องโดนใจคุณอย่างแน่นอน ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีสถานที่เที่ยวแห่งไหนกันบ้าง

1.โตเกียว ดิสนีย์แลนด์

โตเกียว ดิสนีย์แลนด์ สถานที่ท่องเที่ยวที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ต่างนิยมพากันจูงมือลูกหลานไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก เพราะที่นี่เป็นดั่งดินแดนในฝันของเด็กๆ กันเลยทีเดียว ซึ่งก็มีทั้งเครื่องเล่นสุดสนุกมากมาย ตัวการ์ตูนดิสนีย์ และการแสดงโชว์สุดตระการตา ที่หาชมได้ที่นี่เพียงที่เดียวเท่านั้น

2.พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชุราอูมิ

พลาดไม่ได้เลยเมื่อมาเที่ยวญี่ปุ่น เพราะพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และมีสัตว์น้ำแปลกตาให้ได้ชมมากมาย ซึ่งใครที่ชมสัตว์น้ำในไทยจนชินตาแล้ว ก็ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปชมสัตว์น้ำแปลกๆ ที่ญี่ปุ่นกันบ้าง รับรองว่าเร้าใจและน่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว

3.ตึกอูเมดะสกาย

แลนด์มาร์คของญี่ปุ่น ที่หากไม่แวะมาชมถือว่าพลาดมาก เพราะที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองโอซาก้าได้ทั้งเมือง แถมตึกยังออกแบบด้วยดีไซน์ที่สวยแปลกตา ดูน่าสนใจเป็นที่สุด โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืนที่มีการเปิดไฟทั่วทั้งตึก จึงทำให้ที่นี่ดูสวยงามตระการตาเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าได้บรรยากาศในการชมวิวสุดๆ

4.โตเกียว ทาวเวอร์

เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่เมื่อพูดถึงญี่ปุ่นเมื่อไหร่ก็จะต้องนึกถึงโตเกียว ทาวเวอร์ขึ้นมาในทันที ซึ่งก็มีการสร้างขึ้นมาด้วยสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นโบราณ ใช้สีแดงขาวเป็นเอกลักษณ์ และด้วยขนาดที่สูงมากจึงทำให้มองเห็นโดดเด่นมาแต่ไกลเลยทีเดียว ทั้งนี้ใครที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นก็อย่าลืมแวะไปเที่ยวโตเกียว ทาวเวอร์กันดู

5.ภูเขาฟูจิ

มาเที่ยวญี่ปุ่นทั้งที ก็คงต้องแวะไปเที่ยวที่ภูเขาฟูจิกันหน่อยแล้ว เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นภูเขาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว โดยแนะนำให้นั่งรถไฟสายโทไกโดในการชมภูเขาฟูจิ ซึ่งจะมองเห็นภูเขาฟูจิได้สวยงามตาและชัดเจนเป็นอย่างมาก แต่หากใครอยากจะไปสัมผัสกับภูเขาฟูจิอย่างใกล้ชิดด้วยการปีนขึ้นไปบนยอดเขา ก็ต้องมาเที่ยวในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมเท่านั้น

6.ฮอกไกโด

พลาดไม่ได้เลยกับการไปเล่นสกีที่ฮอกไกโด ซึ่งคุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การเล่นสกีที่ไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน หรือจะมาชมซากุระในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมก็ได้เหมือนกัน โดยเป็นช่วงที่ดอกซากุระกำลังบานสะพรั่งและมีความสวยงามมากที่สุด

ใครที่กำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่น ก็ลองจัดสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ไว้ในลิสต์รายการของคุณกันดู ซึ่งก็รับรองเลยว่าคุณจะได้ประสบการณ์ที่เร้าใจและความทรงจำดีๆ กลับมาอย่างแน่นอน

5 ที่เที่ยวคลายร้อนทั่วไทย อากาศร้อนแบบนี้ บอกเลยห้ามพลาด

ด้วยสภาพอากาศของเมืองไทยที่ร้อนจัด หลายคนคงกำลังมองหาที่เที่ยวคลายร้อนกันอยู่ใช่ไหม ซึ่งเราก็ขอแนะนำนี่เลย 5 ที่เที่ยวคลายร้อนทั่วไทย ที่จะพาคุณไปสัมผัสกับความเย็นให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ โดยเราก็ได้คัดสรรเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยจะมีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งไหนบ้าง ก็ต้องไปดูกันเลย

1.สวนน้ำการ์ตูนเน็ทเวิร์ค อเมโซน

สวนน้ำการ์ตูนเน็ทเวิร์ค อเมโซน ที่เที่ยวคลายร้อนสุดสนุกที่เหมาะกับการพาลูกหลานไปเที่ยวกันมากที่สุด เพราะที่นี่มีเครื่องเล่นสนุกๆ มากมาย ทั้งยังมีการออกแบบธีมของสวนน้ำเป็นตัวการ์ตูนที่มีคาแรคเตอร์แตกต่างกันมากถึง 10คาแรคเตอร์ ซึ่งการมาเที่ยวที่นี่นอกจากจะได้คลายร้อนกันแล้ว ยังได้ความทรงจำดีๆ กลับไปกันอีกด้วย เพราะฉะนั้นห้ามพลาด

2.น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกที่ขึ้นชื่อว่ามีความงดงามเป็นอย่างมาก เพราะน้ำที่ไหลลงมารวมกันเป็นแอ่งน้ำด้านล่างจะเป็นสีฟ้าเขียวมรกต ซึ่งดูสวยแปลกตาแบบไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน แถมยังมีความใสสะอาด เย็นชุ่มฉ่ำน่าลงเล่นน้ำเป็นที่สุด อีกทั้งบริเวณรอบๆ ก็ห้อมล้อมไปด้วยป่าไม้ธรรมชาติ ที่จะสร้างความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้หากมองดีๆ ก็จะเห็นน้ำที่ไหลลงมาผ่านชั้นหินปูนมีความคล้ายคลึงกับรูปช้างเอราวัณอีกด้วย ซึ่งก็ถือเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของน้ำตกแห่งนี้เลยทีเดียว

3.เขื่อนศรีนครินทร์

เขื่อนศรีนครินทร์ ก็เป็นอีกหนึ่งแห่งที่เหมาะกับการไปท่องเที่ยวคลายร้อนที่สุด โดยที่นี่นอกจากจะได้เล่นน้ำให้เย็นฉ่ำกันแล้วก็ยังมีกิจกรรมสนุกๆ มากมาย รอให้คุณได้มาสัมผัสกันอีกด้วย และที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือการค้างแรมบนบ้านเรือนแพนั่นเอง ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าบรรยากาศดีมาก ได้มาสักครั้งแล้วคุณจะติดใจแน่นอน

4.ตลาดน้ำเวเนโต้

ช้อปชิลๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นสบายและสัมผัสกับกลิ่นอายแบบตะวันตก ด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบในสไตล์อิตาลี ประกอบกับธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยแล้ว จึงทำให้ตลาดแห่งนี้มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก และดึงดูดเหล่านักท่องเที่ยวที่ต้องการหลบหนีจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดได้ดีทีเดียว และนอกจากตลาดน้ำเวเนโต้จะมีสินค้ามากมายให้คุณได้ช้อปกันอย่างเพลินใจแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายอีกด้วย รับรองว่าคุณจะต้องชอบ

5.เกาะสมุย

ต้องบอกเลยว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวคลายร้อนยอดนิยมกันเลยทีเดียวสำหรับเกาะสมุย โดยที่นี่ก็มีหาดทรายสวยทอดยาวสุดลูกหูลูกตาและน้ำทะเลใสที่ดูระยิบระยับน่าหลงใหลเป็นที่สุด ว่าแต่จะโดนใจมากแค่ไหนก็ต้องลองแวะมาเที่ยวที่เกาะสมุยกันดู

น่าสนใจทั้งนั้นเลยใช่ไหมสำหรับ 5 สถานที่ท่องเที่ยวคลายร้อนทั่วไทย เพราะฉะนั้นห้ามพลาดที่จะลองไปเที่ยวสถานที่เหล่านี้กันดู แล้วคุณจะต้องชอบ

5 ที่เที่ยวเชียงราย ที่คนรักธรรมชาติต้องไปเยือนดูสักครั้ง

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติทั้งหลาย วันนี้เราก็มี 5 ที่เที่ยวจากแดนเหนือสุดของไทยมาแนะนำเช่นกัน นั่นก็คือที่เที่ยวสุดฮิตในจังหวัดเชียงรายนั่นเอง ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวด้วยแล้ว ต้องรีบจัดกระเป๋าเดินทางมาท่องเที่ยวกันโดยด่วน ว่าแต่จะมีสถานที่แห่งไหนบ้างเราไปดูกันเลยดีกว่า

1.วนอุทยานภูชี้ฟ้า

ดินแดนแห่งทะเลหมอก ที่จะพาคุณไปสัมผัสกับทะเลหมอกยามเช้าที่แสนงดงามและความตระการตาของดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นในยามเช้าตรู่ ซึ่งเป็นภาพที่หาชมได้ยากมากทีเดียว ประกอบกับบรรยากาศโดยรอบที่เต็มไปด้วยความร่มรื่น เย็นสบายด้วยแล้ว ก็ยิ่งสร้างความผ่อนคลายได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้หากมาเที่ยวในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ก็จะได้ชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่แข่งกันชูช่อดอกรับแสงตะวันอย่างงามตาจนยากจะลืมเลือนเลยทีเดียว

2.พระตำหนักดอยตุง

พลาดไม่ได้เลยสำหรับพระตำหนักดอยตุง ซึ่งที่นี่คุณจะได้พบกับสวนดอกไม้ที่มีการจัดตกแต่งอย่างสวยงาม ผสมผสานระหว่างดอกไม้หลากสายพันธุ์ได้อย่างกลมกลืนที่สุด ทั้งยังมีกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแดนเหนือที่เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจมากทีเดียว

3.วัดร่องขุน

วัดร่องขุน ถือเป็นแลนด์มาร์คของจังหวัดเชียงรายเลยก็ว่าได้ โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะนิยมมาเที่ยววัดร่องขุนกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากวัดแห่งนี้มีการออกแบบได้อย่างสวยงามวิจิตรแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน โดยเฉพาะการใช้สีขาวในการตกแต่งและการแกะสลักลวดลายอย่างเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งรับรองเลยว่าคุณจะต้องติดใจจนอยากหวนกลับมาเที่ยวที่นี่อีกอย่างแน่นอน

4.ภูชี้ดาว

จุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของภูชี้ฟ้าได้อย่างงดงามที่สุดและยังมองเห็นวิวแม่น้ำโขงอีกด้วย แถมยังมีบรรยากาศเย็นสบายตลอดทั้งวัน จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาพักผ่อนและชมวิวทิวทัศน์สวย ๆ เพื่อความเพลิดเพลินสบายตาเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากภูชี้ดาวมีความลาดชันพอสมควร การจะขึ้นมายังจุดชมวิวได้จึงอาจจะลำบากสักนิด ดังนั้นถ้าจะมาเที่ยวที่นี่ ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมและใช้ความระมัดระวังด้วย

5.ไร่ชาฉุยฟง

มาถึงดินแดนเหนือสุดของไทยที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการปลูกชากันแล้ว ก็จะพลาดไม่ได้เลยที่จะแวะมาสัมผัสกับไร่ชากันที่ไร่ชาฉุยฟง ซึ่งมีพื้นที่มากกว่า 1,000 ไร่ และมีบรรยากาศดีมาก โดยนอกจากคุณจะได้ชมความสวยของไร่ชาแห่งนี้แล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์จากชาจำหน่ายในราคาถูกด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นอย่าลืมซื้อติดไม้ติดมือกับบ้านกันด้วยล่ะ

ต้องบอกเลยว่าเชียงรายเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่งจริง ๆ เพราะฉะนั้นอย่าพลาดที่จะไปเที่ยวให้ทั่วกันด้วย โดยเฉพาะ 5 สถานที่ที่เรานำมาแนะนำกัน แล้วคุณจะหลงรักเชียงรายกันอย่างแน่นอน

ใคร ๆ ก็ไปไอซ์แลนด์ ว่าแต่…จะไปช่วงไหนดีนะ?

5 ปีที่ผ่านมานี้ ประเทศไอซ์แลนด์เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยที่หลงรักการเดินทางท่องเที่ยวสายธรรมชาติ เพราะธรรมชาติของไอซ์แลนด์นั้นมีเสน่ห์แตกต่างจากที่อื่น ๆ ในโลก แต่จะเลือกไปเที่ยวในช่วงฤดูไหนดี เรามาลองดูเสน่ห์ของไอซ์แลนด์ในแต่ละช่วงกันดีกว่า

  • ฤดูร้อน(มิถุนายนสิงหาคม เป็นช่วงที่คึกคักที่สุด และแน่นอนว่าเป็นช่วงที่ค่าครองชีพสูงสุดเช่นกัน เสน่ห์ของฤดูนี้คือพระอาทิตย์เที่ยงคืน โดยพระอาทิตย์จะตกช่วงห้าทุ่ม และยังไม่ทันมืดสนิทดีในช่วงตีสอง พระอาทิตย์ดวงเดิมก็จะขึ้นมาอีกครั้ง จึงสามารถท่องเที่ยวได้แทบจะ 24 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าคุ้มค่ากับการท่องเที่ยว สำหรับสภาพอากาศตอนกลางวันอุณหภูมิราว ๆ 24 องศาเซลเซียส คุณจะได้พบกับความเขียวชอุ่มของพืชพันธุ์คลุมดิน ทั้งต้นหญ้าและดอกไม้หลากสีสัน ส่วนต้นไม้ใหญ่ในประเทศพบได้ไม่มากนัก เนื่องจากสภาพดินเป็นดินภูเขาไฟเสียส่วนมาก ในช่วงนี้ถนนทุกสายจะเปิดรับผู้มาเยือน นักท่องเที่ยวสายผจญภัยมักจะนิยมเช่ารถ 4×4 เพื่อมุ่งหน้าสู่ใจกลางเกาะ ที่ซึ่งมีธรรมชาติสวยงามแปลกตาซ่อนอยู่

 

  • ฤดูใบไม้ร่วง(กันยายนพฤศจิกายน) เสน่ห์ของฤดูนี้อยู่ที่ความคุ้มค่าของงบประมาณในการท่องเที่ยว เพราะเป็นช่วงที่อากาศเริ่มหนาวและแห้ง ถ้ามาเที่ยวช่วงต้นฤดู คุณจะยังได้เห็นหญ้าสีเขียวที่หลงเหลือจากฤดูร้อน จากนั้นหญ้าเริ่มค่อย ๆ ทยอยเปลี่ยนจากสีเขียวสดเป็นสีเหลือง สภาพอากาศตอนกลางวันอุณหภูมิราว 12 องศาเซลเซียส พบได้ทั้งลมและฝน แต่เนื่องจากมีช่วงกลางคืนที่ยาวนานขึ้น  ถ้าโชคดีในวันฟ้าเปิดคุณอาจจะมีโอกาสได้พบกับแสงเหนือที่พาดผ่านบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ในช่วงนี้ถนนบางสายจะไม่ให้ผ่าน เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว แต่สถานที่ท่องเที่ยวเด่น ๆ บนถนนสายหลักรอบเกาะยังคงสามารถเที่ยวได้ปกติ

 

  • ฤดูหนาว(ธันวาคมมีนาคม) ช่วงนี้นักท่องเที่ยวจะลดน้อยลง เนื่องจากสภาพอากาศในช่วงนี้ไม่ค่อยดีนัก มีโอกาสเกิดพายุหิมะที่ทำให้คุณต้องซุกตัวอยู่แต่ในที่พัก จึงควรเผื่อเวลาท่องเที่ยวไว้หลาย ๆ วัน  ช่วงเวลากลางวันจะเหลือเพียง 5 ชั่วโมงโดยประมาณ เพราะฉะนั้นต้องอาศัยความระมัดระวังเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวท่ามกลางทัศนวิสัยที่ไม่ดีนัก แต่เมื่อใดที่ฟ้าสว่าง คุณจะได้พบกับทัศนียภาพอันงดงามของหิมะสีขาวที่ตัดกับถนนสีดำ เสน่ห์ของฤดูนี้ คือ โอกาสที่จะได้ท่องเที่ยว ได้ทำกิจกรรมในสถานที่ต่าง ๆ ที่ฤดูอื่นไม่มี อาทิ เดินชมถ้ำน้ำแข็ง เดินสำรวจธารน้ำแข็ง (กับผู้เชี่ยวชาญ) เล่นกีฬาฤดูหนาว และทำกิจกรรมที่นิยมทำกันเป็นอย่างมากคือการออก “ล่าแสงเหนือ” ซึ่งคุณต้องขับรถออกตามหาจุดที่ฟ้าปลอดโปร่ง จึงจะมีโอกาสได้เห็น

 

  • ฤดูใบไม้ผลิ(เมษายนพฤษภาคม) หลังจากฤดูหนาวอันแสนน่าเบื่อสำหรับชาวไอซ์แลนด์จบลง ช่วงนี้ความมีชีวิตชีวาเริ่มกลับมา น้ำแข็งเริ่มละลายกลายเป็นน้ำตกและลำธาร หญ้าเริ่มกลายเป็นสีเขียว ดอกไม้ป่าเริ่มผลิบาน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 9 องศาเซลเซียส และยังคงสามารถทำกิจกรรมล่าแสงเหนือได้บ้าง เสน่ห์ของฤดูนี้คือการชมวาฬ และนกพัฟฟินที่เพิ่งอพยพกลับมาอาศัยอยู่ตามหน้าผาเพื่อทำรังเตรียมต้อนรับฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงการท่องเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์ หลัก ๆ คือการขับรถออกนอกเมืองไปตามถนนสายที่ 1 รอบเกาะ ซึ่งจะมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้แวะชมในระหว่างทาง หากเราเตรียมตัวหาข้อมูลไว้ล่วงหน้าจะทำให้สามารถจัดทริปท่องเที่ยวได้อย่างเหมาะสม และได้พบกับประสบการณ์ที่น่าประทับใจ

 

ดื่มด่ำกับบรรยากาศแห่งความสุขที่ “ตลาดคริสต์มาส” ในยุโรป

เทศกาลคริสต์มาส เป็นเทศกาลแห่งความสุข ที่เหล่าคริสต์ศาสนิกชนและผู้คนนับล้านรอคอยที่จะเฉลิมฉลอง ภาพแห่งความสุขที่แวดล้อมด้วยคนรักและครอบครัว บรรยากาศที่สวยงามอบอุ่นหัวใจ มีทั้งหิมะโปรยปราย ไฟประดับประดาสวยงาม มื้อค่ำพร้อมหน้าพร้อมตา ต้นคริสต์มาส และของขวัญ

สิ่งเหล่านี้คือสิงที่พวกเราคุ้นชินจากการชมภาพยนตร์ต่างประเทศ แต่ยังมีอีกสถานที่หนึ่งที่ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้เห็นผ่านภาพยนตร์ นั่นก็คือ “ตลาดคริสต์มาส” แหล่งซื้อ-ขายความสุข ที่จะมีแต่เฉพาะในช่วงเทศกาลคริสมาสเท่านั้น

  • บรรยากาศแห่ง ความสุข เมื่อได้ไปยืนท่ามกลางตลาดคริสต์มาส และหันมองไปรอบตัว ทั้งไฟที่ประดับประดาตกแต่ง มุมถ่ายรูปสวย ๆ เสียงเพลง เสียงหัวเราะของคนรอบข้าง จะไม่ทำให้รู้สึกเหงาสักวินาที รับรองว่าแค่ยืนนิ่ง ๆ ก็สามารถที่จะรับรู้ถึงพลังแห่งความสุขได้ เสมือนได้ชาร์จพลังบวกหลังจากที่ทำงานเคร่งเครียดเหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งปี
  • เพลิดเพลินกับการ ช็อปปิ้ง เพราะที่นี่คือแหล่งรวมของขวัญ ของตกแต่ง ของฝาก ของที่ระลึก ซึ่งโดยมากเป็นของทำมือหายากและเป็นเอกลักษณ์จากคนในท้องถิ่น ตลาดคริสต์มาสในแต่ละที่จะมีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไป คุณสามารถหาของฝากที่ถูกใจผู้รับได้ที่นี่ และไม่แน่ว่าสิ่งที่คุณต้องตาต้องใจจนอดไม่ได้ที่จะซื้อ อาจจะมีเพียงชิ้นเดียวในโลกก็ได้
  • อาหารหลากหลาย เลิศรส อีกหนึ่งไฮไลต์ของตลาดคริสต์มาส คือ อาหารและเครื่องดื่มแสนอร่อย ที่เป็นเอกลักษณ์และถูกคัดสรรมาแล้วจากคนในท้องถิ่น ที่สำคัญคือมีให้เลือกลิ้มชิมรสอย่างหลากหลายในราคาที่รับได้ เมื่อซื้อเสร็จแล้วจะนั่งรับประทานในร้าน หรือหามุมยืนรับประทานชมบรรยากาศแบบเพลิน ๆ ก็ไม่มีใครว่า เพียงแต่เมื่อทานเสร็จแล้วก็อย่าลืมจัดการเก็บและทิ้งให้เรียร้อย ตามธรรมเนียมปฏิบัติของผู้มาเยือนที่ดี
  • กิจกรรมและความบันเทิง ตลาดคริสต์มาสในแต่ละที่ จะมีกิจกรรมและความบันเทิงที่แตกต่างกันออกไป ตามปริมาณผู้คนและขนาดของสถานที่จัดงาน ตลาดคริสต์มาสหลายแห่งที่ถูกจัดขึ้นในลานกว้างใจกลางเมืองมักจะมีเครื่องเล่นต่าง ๆ หรือลานสเก็ตน้ำแข็งกลางแจ้งให้ได้โลดแล่นโชว์ลีลาที่พริ้วไหว บ้างก็มีขบวนพาเหรด คอนเสิร์ตที่คอยสร้างบรรยากาศให้คึกคักเป็นกันเอง การแสดงดนตรีโชว์เสียงอันไพเราะของนักร้องประสานเสียง งานศิลปะ อาทิ ประติมากรรมน้ำแข็ง ให้ได้เดินชมอย่างเพลิดเพลิน

ใครที่กำลังจัดทริปท่องเที่ยวยุโรปในช่วงปลายปี ถ้ามีโอกาสไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เพราะที่ยุโรปนั้นมีตลาดคริสต์มาสที่มีชื่อเสียงและสวยงามมากมายหลายแห่ง ลองจัดสรรเวลาไปเยือน “ตลาดคริสต์มาส” ดูสักครั้ง รับรองว่าจะได้รับความประทับใจอย่างแน่นอน

 

4 สวนสัตว์ในประเทศไทย ที่ต้องไปสักครั้ง

                หากใครเบื่อที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ อย่าง ภูเขา หรือ ทะเลแล้ว ลองมาย้อนวัยเที่ยวแบบเด็ก ๆ  ดูดีไหม ถ้าเลือก สวนสัตว์ ก็ไม่เลวเลยนะ เหมือนได้ย้อนวัย คืนความสดชื่นและเพลิดเพลินกับสัตว์น้อยใหญ่ แถมแต่ละสวนสัตว์ก็มีกิจกรรมหลายอย่างให้ทำ เช่น ให้อาหารสัตว์ ปั่นเรือ นั่งรถไฟ ฯลฯ  แต่ว่าถ้าไม่รู้จะไปสวนสัตว์ที่ไหนดี วันนี้เรารวบรวมสวนสัตว์ทั่วไทย ที่ต้องไปสักครั้ง มาให้โดนกันแล้ว

สวนสัตว์เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่     

หากใครเป็นแฟน ๆ หมีแพนด้า อย่างช่วงช่วงและหลินฮุ่ย ก็ต้องไปเยือนสวนสัตว์เชียงใหม่สักครั้ง นอกจากเจ้าหมีแพนด้าสองตัวส่งตรงจากแผ่นดินใหญ่แล้ว ที่นี่ยังเต็มไปด้วยสัตว์นานาพันธุ์ ให้ชมเพลินตา ทั้ง หมีโคล่า, เสือขาว, นกฟลามิงโก ฯลฯ บรรยากาศภายในสวยงามด้วยแมกไม้เมืองเหนือ อากาศเย็นสบายตลอดปี สวนสัตว์เชียงใหม่ตั้งอยู่ที่ถนนห้วยแก้ว ใกล้กับดอยสุเทพ เรียกว่าเที่ยว 2 อิน 1 แต่ว่าพื้นที่ของที่นี่กว้างอยู่นะ เดินทั้งวันยังก็ไม่หมด เปิดบริการทุกวัน 08.00 น. – 17.00 น.

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จังหวัดเชียงใหม่

เที่ยวภาคกลางวันจบแล้ว มาตามรอยมูมู่ ที่สวนสัตว์ที่เปิดภาคกลางคืนกันบ้าง มุ่งตรงไปเลย เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี  ไฮไลท์ของที่นี่คือการรวบรวม สัตว์หายากกว่า 134 สายพันธุ์ รวมแล้ว 1,400 ตัวไว้ให้ได้ชมกัน สามารถเดินชมชิลล์ ๆ ได้ในช่วงกลางวัน หรือนั่งรถชมสัตว์ในเวลากลางคืน คุณจะได้เปิดโลกวิถีชีวิตของสัตว์ตามธรรมชาติที่แท้จริงเลยทีเดียว สำหรับสวนสัตว์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เปิดบริการทุกวัน 11.00 น. – 22.00 น.

สวนสัตว์บึงฉวาก เฉลิมพระเกียรติ,จังหวัดสุพรรณบุรี

                หากใครชอบสัตว์น้ำ เป็นพิเศษ ต้องทีนี้เลย เพราะว่าอควาเรียมและศูนย์การแสดงสัตว์น้ำของที่นี่ ใหญ่เว่อร์วังมาก มี 2 หลังเลยทีเดียว บ่อจระเข้ก็มา อดีตที่นี่เคยเป็นบึงน้ำและเขตห้ามล่าสัตว์ พื้นที่ขนาดใหญ่ มากกว่า 2,700 ไร่ ภายในมีทั้งโซนสวนสัตว์ โซนสัตว์น้ำและโซนแสดงพันธุ์สัตว์พื้นบ้าน ตั้งห่างจากตัวเมืองสุพรรณประมาณ 64 กิโลเมตร เปิดบริการจันทร์- ศุกร์ 08.30 น. – 16.30 น. วันเสาร์  -อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 08.30 น. – 17.00 น.

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว,ชลบุรี

นอกจากจะให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่เลี้ยงและสงวนพันธุ์สัตว์อีกด้วย  ความโดดเด่นของที่นี่คือการรวบรวมสัตว์จากหลายทวีปทั่วโลก มาไว้ให้ดูแบบใกล้ชิดในไทย ทั้ง จิงโจ้แดง วอลลาบี นกอีมู ลีเมอร์ ค้างห้าสี หมาไม้ ฯลฯ  นอกจากนี้ยังมีส่วนของการแสดง เช่น ช้างว่ายน้ำ พาเหรดแพนกวิน ให้อาหารแมวน้ำ เป็นต้น แต่ที่นี่จะร้อนหน่อย อย่าลืมพกร่มไปนะ สวนสัตว์เขาเขียว ตั้งอยู่ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เปิดบริการทุกวัน 08.00 น. – 18.00 น.

แค่อ่านก็ตื่นเต้นแล้วใช่ไหมล่ะ ใกล้ ๆ นี้ถ้ามีวันหยุดยาว ก็ขับรถไปเพลิน ๆ หรือจองตั๋วเครื่องบิน ไปชมความน่ารักของสัตว์น้อยใหญ่กันดีกว่า รับรองว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ท่องเที่ยว ที่ต้องไปโดนสักครั้งจริง ๆ

 

ชวนมาดู 5 แหล่งท่องเที่ยวหน้าฝน ที่ทุกคนต้องไปเยือน

ฝนตกและเทลงมาใครๆ ก็คงอยากอยู่บ้าน ไม่ออกไปไหน เพราะกลัวว่าจะเปียกหรือไปลำบากลำบน แถมยังไม่รู้ว่าจะเที่ยวไหนดี แต่รู้หรือไม่ว่าเมืองไทยเรามีที่เที่ยวมากมายให้เที่ยวได้ตลอดทั้งปี

Continue reading “ชวนมาดู 5 แหล่งท่องเที่ยวหน้าฝน ที่ทุกคนต้องไปเยือน”