ไขความตื่นเต้น: สำรวจ Korea International Circuit

Korea International Circuit ตั้งอยู่ท่ามกลางภูมิประเทศอันเขียวชอุ่มของ Yeongam ประเทศเกาหลีใต้ ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงการผสมผสานของความเร็ว ความแม่นยำ และความฉลาดทางสถาปัตยกรรม สนามแข่งรถล้ำสมัยแห่งนี้เปิดตัวในปี 2010 และกลายเป็นอัญมณีแห่งวงการมอเตอร์สปอร์ต โดยมอบประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนให้ทั้งนักแข่งและแฟนๆ เข้าร่วมกับเราในขณะที่เราเริ่มต้นการเดินทางเพื่อสำรวจความแตกต่างของสนามแข่งนานาชาติเกาหลี

การออกแบบและสถาปัตยกรรม

สนามแข่งรถ Korea International Circuit ออกแบบโดย Hermann Tilke ผู้โด่งดัง นำเสนอการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความสวยงามและการใช้งาน เส้นทาง 5.621 กิโลเมตรเป็นการผสมผสานที่ท้าทายระหว่างทางตรง โค้งแคบ และการเปลี่ยนแปลงระดับความสูง ทำให้นักแข่งมีเส้นทางที่ไดนามิกและท้าทาย ลักษณะเฉพาะของสนามแข่ง เช่น ทางตรงยาวเข้าสู่โค้งโค้งที่ 3 สร้างโอกาสมากมายในการแซง สร้างความน่าตื่นเต้นเร้าใจให้กับทั้งผู้เข้าแข่งขันและผู้ชม

ความท้าทายและจุดเด่น

สนามแข่งนานาชาติเกาหลีมีชื่อเสียงในด้านความซับซ้อนทางเทคนิค ซึ่งต้องการความแม่นยำและทักษะจากนักแข่ง ลักษณะลูกคลื่นของสนามแข่งและการผสมผสานระหว่างโค้งความเร็วสูงและความเร็วต่ำทำให้เป็นการทดสอบความสามารถของนักแข่งในการค้นหาเส้นทางการแข่งขันที่สมบูรณ์แบบ ทางโค้งที่ 11 ที่ท้าทายซึ่งรู้จักกันในชื่อ “แคนนอน” ต้องใช้ความเฉียบแหลมและความกล้าหาญในขณะที่นักแข่งขับไปตามทางที่มองไม่เห็น เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นให้กับประสบการณ์การแข่งรถ

นอกเหนือจากสนามแข่งแล้ว สิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัยของสนามแข่งยังมอบประสบการณ์ชั้นยอดให้กับผู้ชม อัฒจรรย์ที่กว้างขวางนำเสนอทิวทัศน์มุมกว้างของการแข่งขัน และการสร้างหลุมที่ทันสมัยช่วยให้ทีมมีเครื่องมือที่จำเป็นในการรับมือกับความท้าทายในวันแข่งขัน บริเวณโดยรอบยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่ตอบสนองความต้องการของทั้งผู้ชื่นชอบการแข่งรถและแฟนตัวยง

การจัดงานระดับนานาชาติ

Korea International Circuit ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในปฏิทินการแข่งรถระดับโลกด้วยการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Formula One ตั้งแต่ปี 2010 ถึง 2013 แม้ว่าจะเผชิญกับความท้าทายในช่วงปีแรกๆ แต่รูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของสนามแข่งและความมุ่งมั่นในการปรับปรุงก็ได้รับคำชมจากนักแข่งและแฟนๆ เหมือนกัน แม้ว่าจะไม่มีการแข่งขัน Formula One ในฤดูกาลล่าสุด แต่มรดกของ Korea International Circuit ยังคงอยู่ และศักยภาพของการแข่งขันระดับนานาชาติในอนาคตยังคงจุดประกายความสนใจอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้สนามแข่งรถแห่งนี้แล้ว ประเทศเกาหลียังมีเทศกาลและสถานที่ท่องเที่ยวให้ได้ติดตามกันอีกมากมาย รวมถึง เทศกาลหมักโคลนโพเรียงด้วย

บทสรุป

Korea International Circuit ถือเป็นเครื่องพิสูจน์อันน่าหลงใหลของโลกแห่งมอเตอร์สปอร์ต โดยนำเสนอการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบของการออกแบบที่ท้าทายและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนการแข่งรถโดยเฉพาะหรือผู้สังเกตการณ์ทั่วไป คุณลักษณะเฉพาะของสนามแข่งและช่วงเวลาที่น่าจดจำทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องไปเยี่ยมชมสำหรับทุกคนที่แสวงหาความตื่นเต้นของการแข่งขันความเร็วสูง ในขณะที่เรามองไปสู่อนาคต สนามแข่งนานาชาติเกาหลียังคงเป็นสัญลักษณ์ของการมีส่วนร่วมของเกาหลีใต้บนเวทีมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก ความตื่นเต้นและความเป็นเลิศที่มีแนวโน้มสำหรับผู้ชื่นชอบการแข่งรถรุ่นต่อ ๆ ไป

เร่งผ่านประวัติศาสตร์: เผยความตื่นเต้นของ Shanghai International Circuit

บทนำ

Shanghai International Circuit ตั้งอยู่ในมหานครอันพลุกพล่านของเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความกล้าหาญทางวิศวกรรมสมัยใหม่และความหลงใหลในกีฬามอเตอร์สปอร์ต ด้วยทางโค้งที่กว้างไกล ทางตรงยาว และสิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าประทับใจ สนามแข่งอันเป็นเอกลักษณ์แห่งนี้จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญในปฏิทิน Formula 1 โดยมอบประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นให้กับทั้งนักแข่งและแฟนบอล ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกเรื่องราวอันน่าหลงใหลของ Shanghai International Circuit สำรวจจุดเริ่มต้น คุณลักษณะที่โดดเด่น และความตื่นเต้นที่นำมาสู่ผู้ชื่นชอบมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก

การกำเนิดของไอคอน

Shanghai International Circuit เกิดขึ้นจากความกระตือรือร้นของจีนในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ ออกแบบโดยสถาปนิกสนามแข่งชื่อดัง Hermann Tilke สนามแข่งรถแห่งนี้เปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 โดยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Chinese Grand Prix เป็นครั้งแรก ที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ภายในเขตเจียติง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจีนในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก

ติดตามเค้าโครงและความท้าทาย

ลู่วิ่งระยะทาง 5.451 กิโลเมตรมีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยการผสมผสานระหว่างทางตรงที่รวดเร็วและทางโค้งที่คับแคบ มอบความท้าทายที่ไม่เหมือนใครให้กับนักแข่ง รูปแบบที่กว้างใหญ่ช่วยให้มั่นใจว่าการจัดการยางเชิงกลยุทธ์ การเบรกที่แม่นยำ และการเข้าโค้งอย่างเชี่ยวชาญมีความสำคัญต่อความสำเร็จ ส่วน “หอยทาก” อันเป็นเอกลักษณ์ของสนามแข่งประกอบด้วยการเลี้ยวช้าและคดเคี้ยว ช่วยเพิ่มความซับซ้อนทางเทคนิคให้กับประสบการณ์การแข่งรถ

สิ่งอำนวยความสะดวกและบรรยากาศอันน่าทึ่ง

นอกเหนือจากสนามแข่งแล้ว Shanghai International Circuit ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกล้ำสมัยที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การแข่งขันโดยรวม อัฒจรรย์ที่กว้างขวางนำเสนอทิวทัศน์อันตระการตาของการแข่งขัน ในขณะที่พื้นที่คอกข้างสนามให้คุณได้เห็นเบื้องหลังโลกของ Formula 1 บรรยากาศที่มีชีวิตชีวาซึ่งขับเคลื่อนโดยแฟน ๆ ที่กระตือรือร้นและคอกข้างสนามที่พลุกพล่าน ช่วยเพิ่มบรรยากาศที่น่าตื่นตาตื่นใจของวันหยุดสุดสัปดาห์ของการแข่งขัน .

ช่วงเวลาที่น่าจดจำและการแข่งขันอันน่าตื่นเต้น

Shanghai International Circuit ได้พบเห็นช่วงเวลาสำคัญมากมายในประวัติศาสตร์ Formula 1 ตั้งแต่การแซงที่น่าทึ่งไปจนถึงการแซงอย่างมีกลยุทธ์ สนามแข่งได้ก่อให้เกิดการแข่งขันที่น่าจดจำที่สุดของกีฬาชนิดนี้ นักแข่งในตำนานอย่าง Michael Schumacher, Lewis Hamilton และ Sebastian Vettel ได้ทิ้งร่องรอยไว้บนสนามแข่ง และจารึกชื่อของพวกเขาไว้ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน

โอบกอดอนาคต

เนื่องจาก Shanghai International Circuit ยังคงเป็นเจ้าภาพการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตอันทรงเกียรติต่อไป สนามแห่งนี้ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเติบโต ความพยายามอย่างต่อเนื่องของสนามแข่งในการยกระดับประสบการณ์ของแฟนๆ ปรับปรุงความยั่งยืน และปรับให้เข้ากับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้มั่นใจได้ว่าสนามแข่งจะมีความเกี่ยวข้องในโลกของกีฬามอเตอร์สปอร์ตที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา

บทสรุป

Shanghai International Circuit ถือเป็นสัญญาณแห่งความเร็ว ทักษะ และความสนิทสนมกันในใจกลางประเทศจีน การผสมผสานที่น่าดึงดูดระหว่างความเฉลียวฉลาดทางวิศวกรรมและความตื่นเต้นในการแข่งรถทำให้สิ่งนี้เป็นรากฐานสำคัญของปฏิทิน Formula 1 ในขณะที่แฟน ๆ รวมตัวกันบนอัฒจรรย์และนักแข่งต่างผลักดันขีดจำกัดของตนบนยางมะตอย Shanghai International Circuit จะสานต่อความตื่นเต้นของกีฬามอเตอร์สปอร์ต โดยทิ้งร่องรอยที่ไม่อาจลบเลือนไว้ในประวัติศาสตร์การแข่งรถและเป็นหัวใจของผู้ที่ชื่นชอบการแข่งรถทั่วโลก

สนามแข่งรถมอนซ่า: แหล่งกำเนิดของประวัติศาสตร์และตำนาน

สนามแข่งรถมอนซ่า ตั้งอยู่ท่ามกลางชนบทอันเขียวขจีของ Monza ประเทศอิตาลี เป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นกีฬาแข่งรถที่ไร้กาลเวลา สนามแข่งระดับตำนานแห่งนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษ ได้เห็นชัยชนะ โศกนาฏกรรม และช่วงเวลาที่น่าจดจำซึ่งหล่อหลอมโลกของกีฬามอเตอร์สปอร์ต มาลองขี่ที่น่าตื่นเต้นผ่านประวัติศาสตร์ของ สนามแข่งรถมอนซ่า สถานที่กำเนิดประวัติศาสตร์การแข่งรถและตำนาน

การเริ่มต้นและปีแรก ๆ

สนามแข่งรถมอนซ่า หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า Autodromo Nazionale di Monza ถือกำเนิดขึ้นในปี 1922 เป็นผลงานการผลิตของชมรมรถยนต์แห่งเมืองมิลาน ซึ่งพยายามสร้างสนามแข่งที่สามารถจัดการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตที่กำลังเติบโตในยุคนั้น เลย์เอาต์เริ่มต้นมีลักษณะเป็นวงรีความเร็วสูงรวมกับเส้นทางถนน มอบความท้าทายที่ไม่เหมือนใครสำหรับผู้ขับขี่และปรากฏการณ์ที่น่าทึ่งสำหรับผู้ชม

ทางโค้งในตำนานและชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์

หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของ สนามแข่งรถมอนซ่า คือวงรีความเร็วสูงที่รู้จักกันในชื่อ “Monza Banking” ทางโค้งที่สูงชันช่วยให้นักแข่งทำความเร็วได้สูงเป็นพิเศษ และสนามแข่งก็มีชื่อเสียงในด้านการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นอย่างรวดเร็ว ตำนานมอเตอร์สปอร์ตนับไม่ถ้วน รวมถึง ฮวน มานูเอล ฟานจิโอ, อัลแบร์โต อัสคารี และไอร์ตัน เซนนา แสดงทักษะของพวกเขาบนสนามอันศักดิ์สิทธิ์นี้ โดยทิ้งร่องรอยที่ลบไม่ออกในประวัติศาสตร์การแข่งรถ

โศกนาฏกรรมและการเปลี่ยนแปลง

ในขณะที่ Monza ได้เห็นช่วงเวลาแห่งชัยชนะ มันก็ต้องเผชิญกับช่วงเวลาแห่งโศกนาฏกรรมที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบของสนามแข่งไปตลอดกาล หลังจากประสบอุบัติเหตุร้ายแรงระหว่างการแข่งขันรายการอิตาเลียนกรังด์ปรีซ์ปี 1961 วงรีความเร็วสูงก็ค่อยๆ ยุติลง ปล่อยให้รูปแบบปัจจุบันที่ผสมผสานระหว่างทางตรงความเร็วสูงและเทคนิคชิเคน แม้จะมีการเปลี่ยนแปลง Monza ยังคงเป็นสถานที่อันเป็นที่รักของผู้ที่ชื่นชอบการแข่งรถทั่วโลก

วิหารแห่งความเร็ว: อิตาเลียนกรังด์ปรีซ์

มงกุฎเพชรของ สนามแข่งรถมอนซ่า คือการแข่งขัน Italian Grand Prix ซึ่งเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2465 สนามแข่งรถได้เป็นเจ้าภาพจัดงานอันน่าประทับใจนี้ โดยเชิญนักแข่งและทีมที่เก่งที่สุดในโลกมาแข่งขันกันบนถนนลาดยางในประวัติศาสตร์ การแข่งขัน Italian Grand Prix ยังคงเป็นการเฉลิมฉลองความเร็ว ทักษะ และความหลงใหล ดึงดูดแฟนๆ และสร้างความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนในแต่ละปี

ช่วงเวลาและบันทึกที่น่าจดจำ

การผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของทางตรงความเร็วสูงและมุมที่ท้าทายของ Monza ได้สร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำและการทำลายสถิตินับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่การขับแซงอย่างกล้าหาญที่ Variante Ascari ไปจนถึงการต่อสู้อันน่าตื่นเต้นที่ Curva Parabolica สนามแข่งนี้ต้องการความเป็นเลิศจากนักแข่งทุกคนที่พร้อมรับมือกับความท้าทาย

มรดกอมตะ

ในขณะที่ สนามแข่งรถมอนซ่า พัฒนาต่อไป มันยังคงหยั่งรากลึกจากอดีตอันรุ่งโรจน์ของมัน ความหลงใหลอันแรงกล้าของ tifosi (แฟนพันธุ์แท้ของ Ferrari) บรรยากาศอันน่าตื่นเต้น และเสียงสะท้อนของประวัติศาสตร์การแข่งรถทำให้การเยี่ยมชมเมือง Monza แต่ละครั้งเป็นการเดินทางแสวงบุญของผู้ที่ชื่นชอบมอเตอร์สปอร์ต นอกเหนือจากการแข่งขันแล้ว สนามแข่งรถแห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางสำหรับการทดสอบ โปรแกรมการพัฒนานักแข่ง และกิจกรรมการแข่งรถต่างๆ ที่ทำให้มรดกของมันยังคงอยู่

สรุป: พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของการแข่งรถ

สนามแข่งรถมอนซ่า เป็นมากกว่าสนามแข่ง เป็นศาลเจ้าที่มีวิญญาณของผู้บุกเบิกการแข่งรถ นักแข่งรถที่มีชื่อเสียง และช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์อาศัยอยู่ มรดกตกทอดข้ามรุ่น แบกรับความฝันและแรงบันดาลใจของผู้ที่ชื่นชอบกีฬามอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก ขณะที่เราสนุกสนานไปกับความตื่นเต้นของการแข่งแต่ละครั้ง เราแสดงความเคารพต่อประวัติศาสตร์อันยาวนานของ สนามแข่งรถมอนซ่า ซึ่งเป็นสถานที่ที่หัวใจและจิตวิญญาณของการแข่งรถเต้นทุกครั้งที่หมุนพวงมาลัย

สปา-ฟรองโกชองส์: ตำนานแห่งประวัติศาสตร์ในฟอร์มูลา 1

สนามแข่งสปา-ฟรองโกชองส์ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าอาร์แดนส์อันงดงามในเบลเยียม เปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันเป็นที่เคารพในโลกของฟอร์มูลา 1 สนามแข่งระดับตำนานแห่งนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน สนามแข่งระดับตำนานแห่งนี้ได้ชมการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นนับไม่ถ้วนและช่วงเวลาอันเป็นสัญลักษณ์ เข้าร่วมกับเราในขณะที่เราเจาะลึกเรื่องราวที่น่าสนใจของสปา-ฟรองโกชองส์ สำรวจมรดก ความท้าทาย และช่วงเวลาที่น่าจดจำซึ่งหล่อหลอมอาณาจักรของฟอร์มูลา 1

ภาพรวมในอดีต

สปา-ฟรองโกชองส์ย้อนกลับไปในปี 1921 ได้พัฒนาจากสนามแข่งรถสาธารณะที่ท้าทายไปสู่สนามแข่งรถที่มีชื่อเสียงระดับโลก เริ่มแรกวัดระยะทางได้ 14 กิโลเมตร เส้นทางนี้มีการผสมผสานที่น่าหวาดหวั่นของทางตรงความเร็วสูง โค้งหักศอก และสภาพอากาศที่คาดเดาไม่ได้ ซึ่งทดสอบทักษะและความกล้าหาญของผู้ขับขี่

โอ รูจ: บททดสอบขั้นสูงสุด

การสนทนาเกี่ยวกับสปา-ฟรังก์คอร์ชองส์จะไม่สมบูรณ์หากไม่กล่าวถึงมุมที่โดดเด่นที่สุด – โอ รูจ การเลี้ยวขึ้นเขาที่เป็นตำนานนี้ต้องการทั้งความแม่นยำและความกล้าหาญในขณะที่นักขับนำทางขึ้นอย่างรวดเร็ว สัมผัสกับแรง g ที่รุนแรงและผลักดันรถของพวกเขาจนถึงขีดจำกัด โอ รูจยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความท้าทายอันน่าเกรงขามของสนามแข่งและเป็นปรากฏการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับแฟนๆ

ช่วงเวลาน่าสลดใจและการปรับปรุงความปลอดภัย

ตลอดประวัติศาสตร์ สปา-ฟรองโกชองส์ประสบอุบัติเหตุที่น่าสลดใจซึ่งจุดประกายให้เกิดการปรับปรุงความปลอดภัยในฟอร์มูลา 1 ทศวรรษที่ 1960 และ 70 นั้นอันตรายเป็นพิเศษ ทำให้มีการปรับเปลี่ยนสนามแข่งและเริ่มใช้มาตรการความปลอดภัยเพื่อปกป้องผู้ขับขี่ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้เปลี่ยนสปา-ฟรองโกชองส์ ให้เป็นสนามแข่งที่ปลอดภัยขึ้นแต่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน ทำให้มั่นใจได้ว่าสถานที่แข่งรถอันเป็นที่รักแห่งนี้จะยังคงสืบทอดต่อไป

การแข่งขันที่น่าจดจำและช่วงเวลาแห่งตำนาน

พงศาวดารของสปา-ฟรองโกชองส์ประดับประดาด้วยการแข่งขันในตำนานและช่วงเวลาที่น่าจดจำซึ่งได้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ฟอร์มูลา 1 จากการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างนักขับชื่อดังอย่าง ไอร์ต้น เซนนา และอลัง พรอสต์ ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่พลิกโฉมการแข่งขันสปา-ฟรองโกชองส์ได้จัดเตรียมเวทีสำหรับบทที่น่าตื่นเต้นที่สุดของมอเตอร์สปอร์ต ทางตรงยาวของสนามแข่งและมุมที่ท้าทายสร้างโอกาสในการแซงอย่างเหลือเฟือ เพิ่มความตื่นเต้นและคาดเดาไม่ได้ของการแข่งขันแต่ละครั้ง

มรดกที่ยั่งยืนและความกระตือรือร้นของแฟน ๆ

สปา-ฟรองโกชองส์ได้ดึงดูดใจผู้ที่ชื่นชอบการแข่งรถทั่วโลก จนได้รับชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในสนามแข่งรถที่มีผู้นับถือมากที่สุดในปฏิทินฟอร์มูลา 1 แฟนชาวเบลเยียมผู้หลงใหลซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการสนับสนุนที่ไม่เปลี่ยนแปลงและความรู้เกี่ยวกับกีฬา สร้างบรรยากาศอันน่าตื่นเต้นที่ขยายความเข้มข้นของการแข่งขันแต่ละสุดสัปดาห์ สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามของสนามแข่งช่วยเพิ่มประสบการณ์โดยรวม เชิญชวนให้ผู้ชมดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอันน่าหลงใหลของสถานที่อันเป็นสัญลักษณ์แห่งนี้

ในขณะที่ Formula 1 ยังคงผลักดันขอบเขตและดึงดูดผู้ชมทั่วโลก สปา-ฟรองโกชองส์ยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นเลิศในการแข่งรถตลอดไป รูปแบบที่ท้าทาย ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และฐานแฟนที่หลงใหลทำให้เป็นอัญมณีที่แท้จริงในมงกุฎของมอเตอร์สปอร์ต ในแต่ละปีที่ผ่านไป สนามแข่งสปา-ฟรองโกชองส์ยังคงเขียนบทใหม่ในการเล่าเรื่องที่ดึงดูดใจของ Formula 1 อย่างต่อเนื่อง เสริมความแข็งแกร่งในฐานะจุดหมายปลายทางในตำนานสำหรับนักแข่ง ทีม และแฟน ๆ

Singapore Sports Hub สนามกีฬาที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดทันสมัย

สิงคโปร์ สปอร์ต ฮับ (Singapore Sports Hub) เป็นศูนย์รวมกีฬาขนาดใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศสิงคโปร์ ตั้งอยู่ที่เมืองแกลัง (Kallang) เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2010 จนเสร็จในปี 2014 สิงคโปร์ สปอร์ต ฮับถูกสร้างเพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพการจัดแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่สิงคโปร์รับบทบาทเป็นเจ้าภาพ ซึ่งทั้งพิธีเปิดและพิธีปิดนั้น ถูกจัดขึ้นที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ สปอร์ต ฮับ

ศูนย์รวมกีฬาและความบันเทิงยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ

สิงคโปร์ สปอร์ต ฮับ ถูกสร้างขึ้นตามคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาชุมชนและกีฬาของประเทศสิงคโปร์ เพื่อใช้ทดแทนสนามกีฬาแห่งชาติเดิม ซึ่งนอกจากใช้เป็นสนามกีฬาแล้ว สิงคโปร์ สปอร์ต ฮับ ยังเป็นแหล่งรวมกิจกรรมสร้างความบันเทิงให้กับคนที่รักการออกกำลังกาย รวมถึงบุคคลทั่วไปที่ต้องการสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นการตอบโจทย์ความต้องการของคณะกรรมการการกีฬาแห่งสิงคโปร์ ที่ต้องการส่งเสริมวัฒนธรรมการกีฬาในเมืองได้เป็นอย่างดี

เป้าหมายการสร้าง สิงคโปร์ สปอร์ต ฮับ นั้นเพื่อต้องการให้เป็นแหล่งอำนวยความสะดวกด้านการกีฬาแห่งแรก และเป็นการก่อสร้างที่นับเป็นโครงการก่อสร้างที่ใหญ่ระดับโลกอีกด้วย

สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งกีฬาและความบันเทิงแสนครบครัน

สิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่รวมอยู่ในสิงคโปร์ สปอร์ต ฮับ นั้น มีเยอะแยะมากมาย ได้แก่

                – สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ ที่มีความจุผู้ชมได้มากถึง 55,000 คน ความน่าทึ่งอยู่ที่หลังคาของสนามสามารถพับเก็บได้ รวมถึงที่นั่งของผู้ชมสามารถปรับระดับได้ตามใจคุณอีกด้วย

                – สนามกีฬาในร่มแห่งสิงคโปร์ ความสามารถในการรองรับผู้ชม 12,000 คน

                – ศูนย์กีฬาทางน้ำ OCBC Aquatic Center ที่ได้ตรงตามมาตรฐานสหพันธ์ว่ายน้ำระหว่างประเทศ (FINA) สนามนี้จุผู้ชมได้ถึง 6,000 คน

                – สนามกีฬา OCBC Arena ที่ได้ชื่อว่าเป็นสนามบาสเกตบอลที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ รองรับผู้ชมได้ถึง 3,000 คน ภายในสนามสามารถปรับขนาดด้วย

                – ศูนย์กีฬาทางน้ำ ที่คุณสามารถพายเรือคายัคหรือเรือแคนู เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุดของคุณได้

                – ห้าสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ที่ชื่อว่า Kallang Wave ห้างสรรพสินค้าที่มีขนาดกว้างใหญ่ถึง 41,000 ตารางเมตร ภายในห้างแห่งนี้ ได้รวบรวมสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิง อย่างเช่น หน้าผาจำลองเพื่อให้คุณได้ปีนเขาในที่ร่ม หรือสวนสนุกสำหรับเด็กเล็ก Splash N Surf  ที่ประกอบด้วยสวนน้ำสำหรับเด็ก, โมเดลปลากระเบนขนาดใหญ่และแม่น้ำสายเล็ก ๆ ให้เด็ก ๆ ได้สนุกสนานในวันหยุดพร้อมครอบครัว

                – ลู่ทางเดิน 100 Plus ที่เป็นทางให้ได้เดิน วิ่ง ออกกำลังกาย เป็นทางที่ล้อมรอบสนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์

                – พิพิธภัณฑ์ยุวชนโอลิมปิกแห่งสิงคโปร์ และ พิพิธภัณฑ์กีฬาแห่งสิงคโปร์

                – ห้องสมุด

                – Shimano Cycling World เป็นที่จัดแสดงนิทรรศการที่น่าสนใจและเปิดประสบการณ์ของคุณ คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และเทคโนโลยีของจักรยาน ภายในนั้นใช้เทคนิคที่ล้ำสมัยที่เรียกว่า “ดรีมแมชชีน” เป็นจอแสดงผลที่สร้างความตื่นเต้นและแรงบันดาลใจให้ผู้คนที่หลงรักการขี่จักรยาน

                – สิ่งอำนวยความสะดวกด้วยกีฬามากมาย เช่น ลานกีฬากลางแจ้งที่ใช้แข่งวอลเล่ย์บอลชายหาด สนามพื้นแข็งที่ใช้แข่งขันฟุตซอล บาสเกตบอล ฯลฯ สนามหญ้า รวมถึงเส้นทางลู่วิ่ง และทางจักรยาน

จากความยิ่งใหญ่ของสิงคโปร์ สปอร์ต ฮับ ที่กล่าวมาทั้งหมด ก็คงไม่ต้องสงสัยว่าเพราะอะไรสิงคโปร์ สปอร์ต ฮับถึงได้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของคนที่ต้องการออกกำลังกาย เพราะถ้าหากได้ลองเข้าไปเยือนดูสักครั้งก็คงเป็นการออกกำลังกายที่สมบูรณ์แบบของคุณเลยก็ว่าได้

เครดิตภาพ : https://www.straitstimes.com/sport/parliament-sports-hub-can-do-more-to-enhance-vibrancy-mccy

สนามฟุตบอล สวยงามอลังการ ควรค่าแก่การมาเยือน

นอกจากเสียงเชียร์ของผู้ชมที่ตะโกนให้กำลังใจนักฟุตบอลที่ทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ในสนามแล้วนั้น สนามฟุตบอลก็มีส่วนช่วยเพิ่มอารมณ์ของผู้เล่นให้พุ่งทะยานสูงเมื่ออยู่ในสนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้ลงแข่งในสนามกีฬาที่ได้รับการออกแบบมาอย่างชาญฉลาด ก็ช่วยจรรโลงใจให้นักเตะทั้งหลายมีความกระตือรือร้นเพิ่มมากขึ้น

5 อันดับสนามฟุตบอลที่สวยที่สุดในโลก

วันนี้เรามาทำความรู้จักสนามกีฬาที่มีความสวยงาม 5 อันดับแรกของโลก ซึ่งมีทั้งสนามกีฬาขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยสวยงาม ตั้งอยู่ในหลายประเทศดังต่อไปนี้

1.Soccer City หรือชื่อสนามอย่างเป็นทางการก็คือ First National Bank Stadium (FNB Stadium) ตั้งอยู่ที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นหนึ่งในสนามฟุตบอลและรักบี้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ได้รับการปรับปรุงใหม่ครั้งใหญ่ ในปี 2009 และเมื่อประเทศแอฟริกาใต้ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี 2010 ก็ถูกใช้เป็นสนามจัดการแข่งขัน รูปแบบของสนามถูกออกแบบมาในลักษณะของหม้อแอฟริกัน (African pot) ด้านนอกหุ้มด้วยโมเสคสะท้อนแสงไฟและมีแสงไฟที่เป็นวงแหวนวิ่งไปรอบ ๆ สนาม และด้านล่างของโครงสร้างก็จำลองให้ดูเหมือนไฟที่โชติช่วงอยู่ใต้หม้อ ภายในสนามจุผู้ชมได้มากเกือบ 100,000 ที่นั่ง จึงทำให้ Soccer City เป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

2. Maracanã Stadium เป็นสนามกีฬาที่อยู่ในเมืองริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล ซึ่งเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่ามีความสวยงามที่สุดเมืองหนึ่งของโลก ผู้คนก็ให้ความสนใจในกีฬาฟุตบอลมากด้วยเช่นกัน สำหรับ Maracanã Stadium เป็นส่วนหนึ่งของสปอร์ตคอมเพล็กซ์ที่ได้รับความนิยม และสนามกีฬาแห่งนี้ได้ใช้จัดการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ ๆ มากมาย เช่น ฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศในปี 1950, ฟุตบอลโลกปี 2016 ที่บราซิลเองเป็นเจ้าภาพ หรือแม้กระทั่งมหกรรมโอลิมปิกในปี 2016 เป็นต้น

3. The Allianz Arena ตั้งอยู่ที่เมืองมิวนิค, บาวาเรีย ประเทศเยอรมัน เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2005 และยังเป็นสนามฝึกซ้อมของทีมฟุตบอลของมิวนิค อย่างเช่น ทีมบาเยิร์นมิวนิค และ ทีม 1860 มิวนิค สนามกีฬาแห่งนี้มีการออกแบบที่โดดเด่นด้วยแผ่นพลาสติก ETFE ที่พองตัวออกและสามารถเปลี่ยนสีผนังภายนอกจากสีแดงเป็นสีน้ำเงินและสีอื่น ๆ ได้ ขึ้นอยู่กับทีมที่ลงแข่ง รองรับผู้ชมได้ถึง 75,000 คน ทำให้ The Allianz Arena ถือเป็นสนามกีฬาที่ชื่อเรื่องการออกแบบที่ดีที่สุดในโลกก็ว่าได้

4. Wembley Stadium เป็นสนามฟุตบอลตั้งอยู่ที่เมือง Wembley ในสหราชอาณาจักร เปิดใช้เมื่อปี 1923 และได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อปี 2007 Wembley Stadium สามารถรองรับผู้ชมได้กว่า 90,000 ที่นั่ง ได้รับการขนานนามว่าเป็นสนามฟุตบอลที่ได้รับการออกแบบอย่างสวยงามที่สุดในสหราชอาณาจักร มีความสูง 134 เมตร มีโครงสร้างซุ้มประตูที่ทอดยาวไปทั่วอาคาร มองเห็นเป็นจุดเด่นสะดุดตาประจำเมืองเวมบลีย์

5. Floating Stadium เป็นสนามกีฬาลอยน้ำที่อยู่ในประเทศสิงคโปร์ สร้างขึ้นในปี 2007 ซึ่งเป็นสนามกีฬาลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นสนามกีฬาที่ทอดตัวยาวสู่ชายฝั่งของอ่าวมารีน่าเบย์ ใช้เป็นที่แข่งขันกีฬาและจัดแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกมากมาย สามารถรับน้ำหนักของผู้เข้าชมได้มากถึง 9,000 คน

ที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสนามฟุตบอลที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามติดอันดับโลกที่นำมาแนะนำให้คุณได้ทำความรู้จัก ซึ่งบางครั้งเราก็ให้ความสนใจแต่เกมกีฬาที่ทำการแข่งขันในสนามกีฬาเพียงเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณลองหันมามองความสวยงามของสนามกีฬาดังกล่าว ก็เปรียบได้กับการเสพงานศิลปะผ่านปติมากรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนั้น ๆ ไปด้วย

เครดิตภาพ : https://www.pinterest.com/pin/668925350886714430/

สนามกีฬารังนก (Beijing National Stadium) สนามกีฬาโดดเด่นเน้นความอลังการ

หลายคนคงจะเคยได้ยินคำว่า “สนามกีฬารังนก” ที่เป็นสนามกีฬารูปลักษณ์สะดุดตา จนแค่เห็นครั้งเดียวก็เข้าใจในชื่อสนามกีฬารังนกได้ทันที แต่ชื่ออย่างเป็นทางการของสนามกีฬารังนกนั้นก็คือ สนามกีฬาแห่งชาติปักกิ่ง (Beijing National Stadium) ตั้งอยู่ที่ Olympic Green สนามแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2008 ได้รับการออกแบบจากทีมนักออกแบบสนามกีฬาที่มีชื่อเสียง  เป็นสนามกีฬาขนาดความจุ 90,000 ที่นั่ง ทางการจีนทุ่มงบประมาณกว่า 428 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเนรมิตให้สนามกีฬามีความน่าทึ่งและน่าจดจำด้วยการออกแบบที่มีแนวคิดมาจากถ้วยเซรามิกจีนโครงสร้างเหล็กที่ถูกทำให้โค้งพาดกันไปมาเพื่อซ่อนการพับหลังคาเก็บ จนมองดูเหมือนรังนกขนาดใหญ่

นอกจากนั้นรูปลักษณ์ที่จะมองเห็นอย่างชัดเจนนั้นก็คือทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกของสนามจะสูงกว่าทางด้านเหนือและด้านใต้ของอัฒจันทร์เพื่อให้ผู้ชมเห็นชัดมากขึ้น ที่นั่งที่ไกลที่สุดจากกึ่งกลางของสนามคือ 140 เมตร จากกึ่งกลางสนาม ระบบไหลเวียนอากาศสามารถถ่ายเทได้ดี

สนามกีฬาแห่งชาติ ศูนย์รวมกีฬาและความบันเทิงประจำปักกิ่ง

เมื่อสาธารณรัฐประชาชนจีนได้รับหน้าที่ให้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันมหกรรมโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2008  สนามกีฬารังนกก็ถูกใช้งานตลอดการจัดงาน และยังได้ใช้สนามกีฬารังนกในการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกในปี ค.ศ.2551 และยังมีแผนการที่จะใช้สนามรังนกอีกครั้งในการแข่งขันโอลิมปิก ฤดูหนาวและพาราลิมปิก ในปี 2022

นอกจากจุดประสงค์หลักที่สร้างสนามแห่งนี้ขึ้นเพื่อใช้เป็นสนามแข่งขันหลักของกีฬาโอลิมปิก ยังมีการวางแผนที่จะสร้างศูนย์การค้า รวมถึงโรงแรมเพื่อช่วยดึงดูดให้ประชาชนได้เข้ามาใช้สนามกีฬาแห่งนี้กันเพิ่มมากขึ้น จนมีคำกล่าวที่ว่า “สนามกีฬาแห่งชาติปักกิ่งจะกลายเป็นพื้นที่สาธารณะที่สำคัญที่สุดในปักกิ่ง”

สนามกีฬาแห่งนี้นอกจากจะใช้จัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิกแล้ว ยังมีการใช้เพื่อการแข่งขันรายการกีฬาอีกหลายประเภท ตัวอย่างเช่น

– การแข่งขัน Race of Champions motor racing carnival ในปี 2014 และปี 2015

– การแข่งขันชิงแชมป์กรีฑาโลก ในพ.ศ. 2015

– สนามกีฬาได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขัน League of Legends World Championship 2017 รอบชิงชนะเลิศ

เมื่อพูดถึงความบันเทิงสนามกีฬารังนกก็ถูกใช้เป็นเวทีคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ซึ่งศิลปินคนแรกที่เข้ามาใช้สนามกีฬาในการคอนเสิร์ตก็คือ เฉินหลง หรือ Jackie Chan หลังจากนั้นก็มีศิลปินมากมายที่เข้ามาเปิดคอนเสิร์ตในสนามกีฬารังนก ไม่ว่าจะเป็น Leehom Wang ศิลปินชาวอเมริกัน เชื้อสายจีน, วง Mayday ซึ่งเป็นวงดนตรีชาวไต้หวันที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังมีศิลปินเกาหลีใต้มากมายที่เข้ามาใช้ภายในของสนามกีฬารังนก ทั้งการจัดคอนเสิร์ตเดี่ยว และคอนเสิร์ตรวมศิลปิน เช่น EXO, BoA, Super Junior หรือ Girls ‘Generation  เป็นต้น

หากมีสักครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณได้ไปเยือนประเทศจีน คุณก็ไม่ควรพลาดที่จะไปเห็นสนามกีฬารังนกแห่งนี้ด้วยตาตัวเอง ไม่แน่ว่าสนามกีฬาที่ใช้งบประมาณการสร้างมหาศาลแห่งนี้ อาจกลายเป็นสนามกีฬาที่คุณประทับใจก็เป็นได้

เครดิตภาพ : https://www.pinterest.com/pin/45739752441207056/

Luzhniki Stadium สุดยอดสนามกีฬา ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมร่วมสมัย

Luzhniki Stadium สนามกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และถูกนำมาใช้เป็นสนามแข่งขันฟุตบอลโลกอีกด้วย จึงเป็นสนามกีฬาอีกหนึ่งแห่งที่ใครก็อยากลองแวะไปเที่ยวกันดูสักครั้ง ซึ่งเราก็จะพาคุณไปชมกันว่าสนามกีฬาแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรและมีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง

ประวัติความเป็นมาของ Luzhniki Stadium

          สนามกีฬา Luzhniki Stadium ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1955 – 1956 และได้มีการปรับปรุงต่อเติมอยู่เสมอ จึงทำให้สนามกีฬามีความทันสมัยและพร้อมสำหรับใช้รองรับการแข่งขันกีฬาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการแข่งขันฟุตบอลโลกและฟุตบอลโอลิมปิก ซึ่งก็ได้มีการนำเอาสถาปัตยกรรมร่วมสมัยมาออกแบบตกแต่งเข้าไปอย่างลงตัว จึงทำให้สนามฟุตบอลแห่งนี้ยังคงมีความโดดเด่น สวยงามอยู่เสมอ ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยก็ตาม

จุดเด่นที่น่าสนใจ

          สำหรับจุดเด่นของสนามกีฬา Luzhniki Stadium ที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างพากันมาเที่ยวชม และชื่นชอบการมาชมการแข่งขันถึงขอบสนามมากที่สุดก็มีดังนี้

  • การตกแต่งอาคารด้วยภาพกราฟฟิกนักกีฬา ซึ่งเป็นการนำศิลปะมาใช้กับการตกแต่งได้อย่างกลมกลืน และดูสวยงามสะดุดตา
  • มีขนาดกว้างใหญ่ สามารถบรรจุผู้ชมได้มากถึง 81,000 ที่นั่ง และด้วยการออกแบบที่ได้มาตรฐาน จึงไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด และสามารถชมการแข่งขันได้อย่างชัดเจนอีกด้วย ไม่ว่าจะนั่งอยู่ตรงมุมไหนของอัฒจรรย์ก็ตาม
  • โครงสร้างหลังคาที่ปกคลุมพื้นที่รอบสนามได้ดี บวกกับเป็นหลังคากระจก จึงทำให้แสงธรรมชาติสามารถส่องได้ทั่วถึงทั้งสนามกีฬา จึงช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี ทั้งยังได้มุมมองที่ทำให้การชมการแข่งขันฟุตบอลมีความสนุกและน่าตื่นเต้นมากขึ้นอีกด้วย
  • ภายในอาคารมีการออกแบบเป็นห้องพัก ห้องรับรองต่างๆ รวมถึงห้องสำหรับผู้สื่อข่าว ซึ่งในช่วงที่ไม่มีการแข่งขันก็จะเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมได้ โดยจะมีไกด์ทำหน้าที่พาคุณไปชมห้องต่าง ๆ และรอบสนามแข่งขัน

ต้องทำอย่างไรบ้าง เมื่อไปเที่ยว Luzhniki Stadium

หากคุณต้องการมาเที่ยวที่สนามกีฬา Luzhniki Stadium ในช่วงวันธรรมดาที่ไม่มีการแข่งขัน ก็สามารถมาชมได้ตลอดทุกวันกันเลย โดยจะต้องมาซื้อบัตรสำหรับเข้าชมสถานที่ก่อน จากนั้นจะมีไกด์นำพาคุณไปชมทั่วทั้งบริเวณสนามแข่งและห้องต่าง ๆ ภายในอาคาร ซึ่งก็รับรองเลยว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ทั้งนี้ก่อนเข้าชมก็อย่าลืมอ่านกฎระเบียบก่อนด้วย

          ต้องบอกเลยว่าเป็นสนามกีฬาที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าสนามกีฬาแห่งไหนเลยทีเดียว ซึ่งใครที่สะดวกก็ลองแวะมาเที่ยวชมสนามกีฬา Luzhniki Stadium กันดู หรือจะมาในช่วงที่มีการแข่งขันเพื่อชมการแข่งกีฬาแบบชิดขอบสนามก็ได้ โดยตั้งอยู่ที่เมือง Moscow ประเทศรัสเซียนั่นเอง นอกจากนี้ในเมืองใกล้ ๆ กัน ก็ยังมีสนามกีฬาอีกหลายแห่ง ที่อยากแนะนำให้คุณลองไปสัมผัสกันดู เอาเป็นว่าเมื่อคุณคิดจะมาเที่ยวที่นี่ก็ลิสต์รายชื่อสนามกีฬาใกล้ ๆ ไว้หลาย ๆ แห่ง จะได้เที่ยวทีเดียวให้คุ้มค่าไปเลยนั่นเอง

จุดเด่นของ Allianz arena สนามฟุตบอลที่ใครก็อยากมาชมสักครั้ง

Allianz arena สนามฟุตบอลขนาดใหญ่ในเมืองมิวนิคที่ใครก็อยากลองมาเที่ยวกันดูสักครั้ง ซึ่งแฟนบอลทั้งหลายก็คงจะคุ้นเคยกับชื่อสนามฟุตบอลแห่งนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีการใช้แข่งขันฟุตบอลบ่อยๆ และยังมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์จนทำให้ใครๆ ก็จดจำสนามกีฬาแห่งนี้ได้อย่างขึ้นใจกันเลยทีเดียว โดย Allianz arena จะมีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างไรบ้างก็ต้องมาดูกันเลย

Allianz arena สนามกีฬาเปลี่ยนสีได้

          สำหรับความโดดเด่นของสนามฟุตบอลแห่งนี้ก็อยู่ที่การเปลี่ยนสีได้นั่นเอง โดยจะมี 3 สีคือสีแดง สีน้ำเงินและสีขาว ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อทีมบาเยิร์น มิวนิค กำลังลงแข่ง เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน เมื่อมีการแข่งขันของทีม 1860 มิวนิค และเปลี่ยนเป็นสีขาวสำหรับทีมชาติเยอรมัน ซึ่งแฟนบอลทั้งหลายจะรู้ได้ทันทีว่าทีมไหนกำลังแข่งขันอยู่ โดยดูจากสีของสนามกีฬานั่นเอง

ชมประวัติและถ้วยรางวัลที่ Museum

          Allianz arena ไม่ได้เป็นเพียงแค่สนามแข่งขันกีฬาเท่านั้น แต่ยังมี Museum ที่จัดแสดงประวัติและถ้วยรางวัลให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมกันอีกด้วย โดยมีตั้งแต่ประวัติการก่อตั้งสนามฟุตบอลขึ้นมาเลยทีเดียว ใครที่อยากรู้ประวัติอย่างครบถ้วนและชมถ้วยรางวัลกันแบบใกล้ชิดก็ต้องลองมาเที่ยวที่นี่กันเลย โดยเปิดให้เข้าชมได้ทุกวันยกเว้นวันที่มีการแข่งขันเท่านั้น

สัมผัสบรรยากาศในห้องแต่งตัวนักเตะ

          ถือเป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยวที่สนามกีฬา Allianz arena ที่โดนใจเหล่าแฟนบอลมากทีเดียว เพราะคุณจะได้ขึ้นไปชมบรรยากาศในห้องแต่งตัวนักเตะ รวมถึงห้องอาบน้ำ สปา และฟิตเนสอีกด้วย ซึ่งก็น่าตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว ทั้งยังได้ทำกิจกรรมเดินลงบันไดพร้อมเพลงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเหมือนกับนักเตะก่อนการแข่งขันอีกด้วย ทั้งนี้ก็ต้องบอกเลยว่าคุ้มค่ากับค่าบัตรเข้าชมมากทีเดียว

FANSHOP ช้อปกระจาย

          หลังจากเที่ยวชมกันจนเพลิดเพลินแล้ว ก่อนกลับก็จะพลาดไม่ได้เลยกับการแวะมาที่โซน FAN-SHOP ซึ่งมีสินค้าที่ระลึกมากมาย โดยเฉพาะเสื้อฟุตบอล ใครอยากได้ของที่ระลึกหรือของฝากคนทางบ้านก็มาเลือกซื้อกันได้ รับรองว่าได้ช้อปกันแบบกระจายแน่นอน

เที่ยวสนุก ไม่ต้องกลัวลงด้วยไกด์นำเที่ยว

          สำหรับใครที่กังวลว่าจะหลงหรือเปล่า ก็หมดกังวลไปได้เลย เพราะที่นี่มีไกด์นำเที่ยวพร้อม ซึ่งจะพาคุณไปเที่ยวชมทุกโซนของสนามฟุตบอลกันอย่างจุใจ พร้อมด้วยคำแนะนำดี ๆ ทั้งนี้อยากรู้อะไรก็สอบถามจากไกด์ได้เลย

          ต้องบอกเลยว่าสนามฟุตบอล Allianz arena ในเมืองมิวนิคมีอะไรน่าสนใจมากกว่าที่คิดจริง ๆ ซึ่งใครที่เป็นแฟนบอลพันธุ์แท้ก็จะพลาดไม่ได้เลยที่จะแวะมาเที่ยวที่สนามฟุตบอลแห่งนี้ โดยจะมีการขายบัตรเข้าชม 2 ประเภท คือประเภทที่ชมได้เฉพาะในส่วนของ museum เท่านั้น และประเภทที่เข้าชมสนามรวมถึงห้องพักนักเตะได้ด้วย ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไป แต่ทั้งนี้เมื่อมาเที่ยวทั้งทีก็ควรเข้าชมให้ครบทุกโซนเลยจะดีกว่า