ปั่นจักรยาน กินลม ชมดอกบัว ที่เมืองยางพยอง นอกกรุงโซล

การเดินทางสำหรับคนที่รักการท่องเที่ยวในประเทศเกาหลีใต้ นอกจากการเดินเล่น ซื้อของในย่านยอดฮิตอย่างมยองดง รวมไปถึงการหาร้านคาเฟ่น่ารัก ๆ เพื่อพักผ่านแล้ว การได้ออกไปสัมผัสการท่องเที่ยวแบบท้องถิ่นก็เป็นเสน่ห์อีกแบบหนึ่งของการมาเยือนประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งวันนี้อยากแนะนำเมืองท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองโซลมากนัก เดินทางไม่ยากด้วยรถไฟฟ้า ใช้เวลาเดินทางไม่มากและคุณสามารถฆ่าเวลาในทั้งวันไปกับการปั่นจักรยานท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นของชนบท

นั่งรถไฟเพลิน ๆ ไปเยือนสถานียางสุ (Yangsu Station) ในเมืองยางพยอง (Yangpyeong County)

สถานที่ท่องเที่ยวอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงที่เรียกว่าเมืองยางพยอง (Yangpyeong County)  อยู่ในจังหวัดคยองกี ประเทศเกาหลีใต้ เมืองขนาดเล็กที่มีบรรยากาศร่มรื่น แต่เพียบพร้อมไปด้วยสถานที่เที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ หากเริ่มต้นการท่องเที่ยวในเมืองนี้ หากคุณเริ่มต้นที่กรุงโซล คุณก็ต้องพาตัวเองขึ้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน Gyeongui-Jungang Line มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่สถานียางสุ (Yangsu Station) ใช้เวลาในการเดินทางเพียงชั่วโมงกว่า ๆ แต่คุณอาจรู้สึกว่าเป็นเวลาที่ไม่นาน เพราะการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าที่พาคุณออกมาจากความวุ่นวายของตัวเมือง ทำให้คุณเพลิดเพลินกับวิวธรรมชาติที่สวยงามตลอดสองข้างทางที่รถไฟแล่นผ่าน ยิ่งถ้าหากเดินทางช่วงเช้า คุณจะมีเพื่อนร่วมทางที่เป็นผู้สูงอายุ แต่ร่างกายยังแข็งแรงกันเกือบทั้งขบวนรถไฟ

ปั่นจักรยานเที่ยว ตามรอยซีรี่ส์สุดฮิต

เมื่อรถไฟฟ้าพาคุณมาถึงจุดหมาย หากคุณมาเยือนช่วงต้นของฤดูหนาวที่สภาพอากาศยังเย็นสบาย ราว ๆ กลางเดือนตุลาคมที่อุณหภูมิราว ๆ 23 องศาเซลเซียส คุณจะได้สัมผัสความสดชื่นของลมที่พัดและแสงแดดที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เราขอแนะนำกิจกรรมที่ขาดไม่ได้เลย นั่นก็คือ การปั่นจักรยาน ซึ่งเมื่อเดินลงมาด้านนอกสถานีก็จะมีร้านให้เช่าจักรยาน ราคาให้เช่าก็คิดตามชั่วโมง คุณสามารถลองเลือกจักรยานที่คุณถูกใจ ทำการจ่ายเงินก็เป็นอันเรียบร้อย พาจักรยานของคุณปั่นสำรวจไปตามเส้นทางจักรยานที่มีได้เลย

ตามเส้นทางจักรยานที่คุณปั่นไปเรื่อย ๆ ทางการอากาศสดชื่นนั้น คุณจะพบว่ามีนักท่องเที่ยวไม่น้อยที่ปั่นจักรยานสวนกับคุณไปมา บางคนก็เปิดเพลงสร้างบรรยากาศในการปั่นจักรยานของตัวเองไปด้วย ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ดูจะเพลินกับบรรยากาศร่มรื่นของเมืองยางพยองแห่งนี้ แลนด์มาร์คสำคัญที่คุณจะได้แวะมาเยือนก็คือ Bukhangang Railroad Bridge ถ้าหากคุณเป็นคอซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง Hotel Del Luna คุณก็จะคุ้น ๆ ว่าสะพานแห่งนี้ก็คือแบบจำลองของสะพานที่นางเองแสนสวยของเรื่องเดินข้ามไป

ชมบึงดอกบัว ต่อด้วยถ่ายภาพกับกรอบรูปยักษ์บรรยากาศทะเลสาบกว้างใหญ่

สิ่งที่น่าสนใจของเมืองพยองยางที่นักท่องเที่ยวนิยมมากันไม่ได้มีแค่สะพานเหล็กขนาดใหญ่เพียงเท่านั้น แต่ที่เมืองนี้ยังมี Semiwon Garden ซึ่งเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่เน้นจัดแสดงดอกบัวเป็นสวนใหญ่  ในช่วงฤดูร้อนจะมีดอกบัวบานสะพรั่งเต็มบึง แต่หากนอกฤดูที่นี่ก็จะถูกตกแต่งด้วยดอกไม้ตามฤดูการเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว นับว่าเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมของเมืองก็ว่าได้

ใกล้กันนั้นจะมีจุดชมวิวที่น่าสนใจที่เรียกว่า ทะเลสาบดูมุลมอรี (Dumulmeori Lake) ที่เป็นแลนด์มาร์คสำคัญอีกที่ที่ต้องมาเยือน ดื่มด่ำความเงียบสงบของบรรยากาศท้องถิ่น ถ่ายรูปกับกรอบรูปขนาดยักษ์พร้อมวิวภูเขาสูงใหญ่ และทะเลสาบกว้างสุดลูกตา

ที่เล่ามาด้านบนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเที่ยวเมืองพยองยางเท่านั้น เพราะเมืองนี้ยังมีที่เที่ยวไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างคุณอยู่อีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น สวนสตรอเบอรี่, Nungnae Station ซึ่งเป็นสถานีรถไฟเก่าแก่ยุค 90, สวนป่าธรรมชาติและพิพิธภัณฑ์พื้นเมือง ที่รอการมาเยือนของคุณ

เครติดภาพ : https://pixabay.com/fr/photos/deux-t%C3%AAtes-de-l-eau-cor%C3%A9e-paysage-1171468/

พาทัวร์ 5 อันดับสนามฟุตบอลทั่วโลก เอาใจเหล่าคอบอลทั้งหลาย

สำหรับคอบอลทั้งหลายที่ชื่นชอบการชมฟุตบอลมากที่สุด และอยากจะไปเชียร์แบบใกล้ชิดติดขอบสนามกันดูสักครั้ง วันนี้เราก็จะพาคุณไปทัวร์ 5 อันดับสนามฟุตบอลยอดนิยมจากทั่วโลกกันก่อน ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีที่ไหนบ้างและจะมีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างไร

1.Maracana Stadium

สนามฟุตบอลยอดนิยมในประเทศบราซิล โดยที่นี่ก็เคยใช้เป็นสนามแข่งขันฟุตบอลโลกมาแล้ว รวมถึงการแข่งขันโอลิมปิกด้วย ซึ่งสนามฟุตบอลแห่งนี้จะมีลักษณะเป็นโดมขนาดใหญ่ มีหลังคาโดมที่ช่วยกันแดดให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีขนาดใหญ่มากด้วยความจุถึง 74,000 ที่นั่งเลยทีเดียว

2.Estadio Municipal De Braga

ใครที่เคยชมการแข่งขันฟุตบอลในประเทศโปรตุเกส ก็คงจะเคยเห็นสนามฟุตบอลแห่งนี้กันมาบ้างแล้ว แต่จะดีกว่าไหมหากได้ลองมาเที่ยวชมสัมผัสอย่างใกล้ชิดกันดูสักครั้ง โดยสนามฟุตบอลแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นในปี 2003 ซึ่งถูกห้อมล้อมไปด้วยหุบเขา จึงทำให้ได้บรรยากาศที่เย็นสบายและได้กลิ่นอายความเป็นธรรมชาติสูงมาก แถมยังมีวิวทิวทัศน์สวย ๆ ที่จะทำให้คุณได้ชมทั้งการแข่งขันฟุตบอลและภาพวิวทิวทัศน์ที่โดนใจกันเลย ส่วนความจุก็สามารถจุคนดูได้ประมาณ 30,000 คน

3.Pancho Aréna

พลาดไม่ได้เลยสำหรับสนามฟุตบอลแห่งนี้ ใครที่ชอบแทงบอลและดูบอลสดกับ VWIN เป็นประจำ แนะนำว่าลองเปลี่ยนจากการดูบอลสดมาชมการแข่งขันแบบชิดขอบสนามที่ Pancho Aréna กันบ้างดีกว่า ซึ่งที่นี่ก็มีขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถจุผู้ชมได้ 5,000 คน แต่ก็มีความโดดเด่นและน่าสนใจไม่แพ้สนามฟุตบอลแห่งไหนเลยทีเดียว ที่สำคัญจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในโบสถ์มากกว่ากำลังอยู่ในสนามฟุตบอลซะอีก ทั้งนี้จะเป็นอย่างไรก็ต้องลองมาเที่ยวกันดู

4.Allianz Arena

สนามฟุตบอลชื่อดังที่คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะมีจุดเด่นในเรื่องของการใช้พลาสติก ETFE มาก่อสร้างเป็นสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ ซึ่งมีการอัดก๊าซเรืองแสงไว้ด้านในอย่างสวยงาม โดยเฉพาะตอนกลางคืนจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนมาก ทั้งยังสามารถเปลี่ยนสีได้ถึง 3 สี คือ สีแดง สีขาว และสีน้ำเงิน ตามสัญลักษณ์ของทีมที่ลงแข่งนั่นเอง ซึ่งนักท่องเที่ยวก็สามารถเข้ามาชมกันได้ หรือหากต้องการมาชมการแข่งขันฟุตบอล ที่นี่ก็สามารถบรรจุผู้ชมได้มากถึง 75,000 คน

5.Luzhniki Stadium

สนามฟุตบอลที่มีความจุมากถึง 80,000 ที่นั่ง โดยเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียเลยทีเดียว แถมยังได้รับการรับรองมาตรฐานจากยูฟ่าถึง 4 ดาว และเนื่องจากสนามฟุตบอลแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมอสโกพอดี จึงทำให้มีบรรยากาศที่เย็นสบาย ประกอบกับหลังคาโดมที่ช่วยกันแดดได้เป็นอย่างดี เหล่าคอบอลจึงสามารถมาร่วมเชียร์กันได้อย่างสนุกโดยไม่ต้องกังวลกับแดดที่ร้อนจัดกันเลย

ต้องบอกเลยว่าสนามฟุตบอลแต่ละแห่งนั้นมีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นคอบอลทั้งหลาย ห้ามพลาดที่จะลองแวะมาเที่ยวชมกันดู หรือจะไปร่วมชมการแข่งขันแบบชิดขอบสนามก็ได้เหมือนกัน

แบกเป้ไปเที่ยว กับสถานที่ท่องเที่ยวรอบโลกสุดเจ๋งในราคาที่จ่ายได้

ในการเดินทางท่องเที่ยวแต่ละครั้ง เราคงไม่แปลกใจที่พบว่าเราใช้จ่ายไปกับสิ่งต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน หรือยานพาหนะในการเดินทางอื่น ๆ อีกทั้งยังต้องกังวลกับอัตราแลกเปลี่ยนของเงิน ในขณะนั้นด้วย ดังนั้น นักท่องเที่ยวหลาย ๆ คน จึงพยายามจัดระเบียบค่าใช้จ่ายจิปาถะ ในการท่องเที่ยวแต่ละครั้ง เพื่อประหยัดให้ได้มากที่สุด สถานที่ท่องเที่ยว ที่จะได้แนะนำต่อไปนี้ จัดว่าเป็นสถานที่ที่ไม่ต้องใช้จ่ายเงินไปมากมายนัก หากเทียบกับประเทศอื่นในแถบนั้น ๆ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ค่อนข้างถูก โรงแรมที่พัก ที่มีราคาไม่ได้สูงจนเกินไป หรือค่าครองชีพที่เรายังสามารถเดินทางและใช้ชีวิตประจำวันได้ โดยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายมากเกินไป

  • กัมพูชา ประเทศเพื่อนบ้านของเรา ซึ่งเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรม การก่อสร้างปราสาทต่าง ๆ ที่มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน รวมถึงธรรมชาติของภูมิประเทศที่มีความสวยงามและน่าสนใจ สามารถเดินทางได้ทั้งทางบกและทางอากาศ ทำให้เราสามารถควบคุมการใช้จ่ายในเรื่องของการเดินทางและวางแผนได้ดีขึ้น รวมทั้งค่าครองชีพที่ถูก เอาเงินไปแค่หลักพันก็สามารถดำรงชีวิตที่นั่นไปได้หลายวัน
  • บาร์เซโลน่า ประเทศสเปน เป็นอีกเมืองหนึ่งในยุโรป ที่หากใครชื่นชอบความมีสีสันต้องไม่ผิดหวังแน่นอน ทั้งยังเหมาะสำหรับผู้หลงรักในศิลปะ เพราะมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจถึงสองแห่งคือ พิพิธภัณฑ์ปิกัสโซ ของจิตรกรผู้เป็นศิลปินระดับโลก และพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติคาตาโลเนีย รวมถึงวิหารที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ที่มีความงดงามมาก บาร์เซโลน่าจัดเป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีค่าครองชีพไม่แพงมากนัก หากเทียบกับเมืองอื่น ในประเทศแถบยุโรปด้วยกัน
  • กรุงโมรอคโค ประเทศที่มีทั้งทะเลทรายที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก อย่างทะเลทรายซาฮาร่า และความงดงามของเมืองโบราณ ที่เป็นหนึ่งในยุคจักรวรรดิโรมัน เมืองโมรอคโคมีหลายสิ่งที่อาจทำให้เราประหลาดใจ เช่น สิ่งของ เครื่องใช้ หรือ อาหารการกิน ที่ราคาไม่ได้แพงมากอย่างที่คิด
  • ชิลี ประเทศที่มีความหลากหลายทางกายภาพ ไม่ว่าจะเป็นเนินเขา ทะเลแปซิฟิก ธารน้ำแข็ง หุบเขา หรือทะเลสาบ แม้จะมีความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว แต่ประเทศชิลี อาจทำให้คุณได้ตื่นตาตื่นใจ เมื่อได้สัมผัสประสบการณ์อันหรูหราของยุโรป ในราคาที่สามารถจับต้องได้

เหล่านี้คือตัวอย่างของสถานที่ท่องเที่ยว ในประเทศต่าง ๆ ที่อาจไม่ได้แพงจนเอื้อมไม่ถึง ลองสำรวจตัวเองว่าเราเหมาะกับการท่องเที่ยวแบบไหน และกระเป๋าเงินที่คุณวางแผนไว้ในการใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวเพียงพอต่อการไปประเทศใด ด้วยการวางแผนจะทำให้คุณสามารถไปถึงจุดหมาย โดยไม่ยากจนเกินไปนัก การเตรียมตัวให้พร้อม ศึกษาอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตรา เตรียมจองที่พัก และตั๋วเครื่องบินไว้แต่เนิ่น ๆ จะทำให้คุณมีความสุขกับช่วงเวลาของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายที่อาจจะบานปลายได้ แค่ทุกอย่างพร้อม ก็สามารถลุยการเดินทางของคุณ ได้อย่างไร้ความกังวล

ขับรถบ้านตะลุยเที่ยว 3 ประเทศในฝัน

กำลังหาทริปผจญภัยในวันหยุดยาวอยู่ใช่ไหม หากคุณสนใจขับรถบ้านท่องเที่ยวฟังทางนี้ เรามีประเทศที่เหมาะสำหรับการขับรถบ้านท่องเที่ยวมานำเสนอ โดยคัดเลือกจากประเทศที่มีภูมิประเทศที่งดงาม และมีความเป็นธรรมชาติสูง เพราะการขับรถบ้านนั้น นอกจากจุดหมายปลายทางแล้ว ระหว่างทางก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ที่สำคัญคือต้องมีจุดรองรับสำหรับการจอดพักค้างคืนที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย

 

  • ไอซ์แลนด์ประเทศที่มีภูมิประเทศหลากหลายและสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก การขับรถบ้านในไอซ์แลนด์นั้นสะดวกสบาย มีถนนวงแหวนสายหลักหมายเลข 1 ความยาวประมาณ 1,300 กิโลเมตร ที่เชื่อมระหว่างเมืองต่าง ๆ รอบเกาะ และมีถนนสายเล็กที่เชื่อมไปยังจุดท่องเที่ยวที่สวยงามต่าง ๆ แม้ว่าในบางฤดูถนนบางเส้นจะปิดไม่สามารถขับรถบ้านเข้าไปได้ แต่แค่ความสวยงามระหว่างทางก็ช่างคุ้มค่ากับการไปเยือน ส่วน Campsite สำหรับจอดรถบ้านที่นี่จะมีอยู่ตามเมืองเล็ก ๆ ระหว่างทาง

 

  • นิวซีแลนด์ประเทศในฝันที่มีภูมิประเทศสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยเฉพาะเกาะใต้ ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่รักการท่องเที่ยวสายธรรมชาติ การขับรถบ้านที่นี่จะพบว่าระหว่างทางมีภูมิทัศน์ที่สวยงามให้จอดแวะและดื่มด่ำทิวทัศน์อันงดงามตลอดเส้นทาง ทั้งธารน้ำแข็ง ทะเลสาป ทุ่งดอกไม้ และเนินเขาเมือง โดยนิวซีแลนด์ถือว่าเป็นประเทศที่สะดวกสบายสำหรับการขับรถบ้าน เพราะมีทั้งจุดจอดรถบ้านรองรับในแต่ละสถานที่ท่องเที่ยว และมี Campsite สำหรับรองรับรถบ้านในแต่ละเมืองตลอดทาง

 

  • นอร์เวย์อีกหนึ่งประเทศในฝันที่แม้จะเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องค่าคอรงชีพที่สูงลิบ แต่ก็มีธรรมชาติที่สวยงามอยู่มากมายหลายแห่ง ข้อดีสำหรับผู้ที่ขับรถบ้านท่องเที่ยวที่นี่ คือมี Campsite ที่สามารถจอดรถบ้านพักค้างคืนได้ฟรีมากมายหลายแห่ง และเป็นประเทศที่ค่อนข้างให้อิสระนักท่องเที่ยวในการตั้งแคมป์ มีเส้นทางการขับรถบ้านทอดยาวใต้จรดเหนือของประเทศ ซึ่งคุณจะได้พบกับที่ราบสูง ภูเขา ป่าไม้ หมู่บ้านสวยงามเป็นเอกลักษณ์ และฟยอร์ด (อ่าวเล็ก ๆ บริเวณชายฝั่งทะเล ถูกน้ำกัดเซาะจนเว้าแหว่งเกิดเป็นความสวยงาม) ถือว่าเป็นประเทศที่ทัศนียภาพสวยคุ้มค่าแก่การไปเยือน

 

สำหรับใครที่ไม่เคยขับรถเที่ยวโดยรถบ้าน เสน่ห์ของการท่องเที่ยวแบบนี้คือ การเหมือนได้พกบ้านไปเที่ยวด้วย เที่ยวเสร็จก็ขึ้นรถมาพักผ่อนยืดเส้นยืดสายได้สบาย ๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัย เพราะคุณใช้ชีวิตอยู่บนรถและบนท้องถนนเสียเป็นส่วนใหญ่ โปรดศึกษากฎจราจรพื้นฐานในแต่ละประเทศให้ดี และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

 

ลอยลมชมทัศนียภาพสวย ๆ ด้วยบอลลูนกันเถอะ

เมื่อเอ่ยถึงการขึ้นบอลลูน เชื่อว่าคงเป็นอีกหนึ่งความฝันของใครหลายคน ที่ถวิลหาอยากขึ้นไปอยู่บนยานพาหนะรูปทรงแปลกตาสีสันงดงาม ทำให้เกิดความรู้สึกอัศจรรย์ใจทุกครั้งที่พบเห็น แม้ว่าจะราคาค่อนข้างสูง แต่ครั้งหนึ่งในชีวิตถือว่าเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าและน่าประทับใจ ส่วนคนที่ลังเลเพราะกลัวความสูงนั้นก็ไม่ต้องเป็นกังวล รับรองว่าความสวยของทัศนียภาพที่ได้เห็นนั้นจะทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจจนลืมความรู้สึกกลัวไปเลย เราขอแนะนำสถานที่ 3 แห่ง ที่รับรองว่าสวยตะลึงและคุ้มค่ากับการขึ้นบอลลลูนเป็นที่สุด

 

  • คัปปาโดเกียประเทศตุรกี คัปปาโดเกียมีภูมิประเทศที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของประเทศตุรกี เกิดจากการปะทุครั้งใหญ่ของภูเขาไฟ 2 ลูก เมื่อหลายล้านปีก่อน พ่นเถ้าถ่านทับถมครอบคลุมทั่วบริเวณ ต่อมาได้ถูกลมและฝนกัดกร่อนจนกลายเป็นหินรูปทรงประหลาด สวยงามสลับซับซ้อน มนุษย์ยุคโบราณที่มาพบบริเวณนี้จึงทำการสกัดหินเป็นโพรงเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ปัจจุบันบางส่วนได้ถูกอนุรักษ์ไว้ บางส่วนยังมีผู้อยู่อาศัยและบางส่วนได้รับอนุญาติให้ทำเป็นโรงแรมที่พัก
    การขึ้นบอลลูนชมทัศนียภาพที่นี่ ราคาประมาณ 200 USD (ประมาณ 6,000 กว่าบาท)

 

  • พุกามประเทศพม่า เชื่อว่าหนึ่งใน Bucket List ของการท่องเที่ยวด้วยบอลลูนในใจนักท่องเที่ยวหลายคนต้องมีที่นี่แน่นอน พุกามคือดินแดนแห่งเจดีย์ 4,000 องค์ เป็นอาณาจักรเก่าแก่ของพม่า เชื่อกันว่าบริเวณนี้แต่เดิมเคยมีเจดีย์มากกว่า 10,000 องค์ แม้ต่อมาจะสูญสลายไปตามกาลเวลา แต่เท่าที่มีอยู่ในปัจจุบันก็งดงามเพียงพอที่จะทำให้จิตนาการได้ถึงความรุ่งเรือง และความยิ่งใหญ่ในอดีต
    การขึ้นบอลลูนชมทัศนียภาพที่นี่ ราคาประมาณ 350 USD (ประมาณ 9,000 กว่าบาท)

 

  • ลักซอร์ประเทศอียิปต์ ผู้ที่หลงใหลในอารยธรรมสองฟากฝั่งลุ่มแม่น้ำไนล์ไม่ควรพลาด เพราะที่นี่เป็นศูนย์รวมของสถาปัตยกรรมยิ่งใหญ่โบราณกว่า 4,000 ปี ทางฝั่งตะวันออกมีวิหารลักซอร์ วิหารคานัค ทางฝั่งตะวันตกมีหุบเขากษัตริย์ สุสานฟาโรห์ทุตอังค์อามุน (ตุตันคาเมน) วิหารฟาโรห์หญิงฮัตเชปซุส สุสานเหล่าขุนนางและวิหารฟาโรห์รามเสสที่สองและสาม นอกจากได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตแล้ว การท่องเที่ยวบนบอลลูนนี้คุณยังจะได้เห็นทัศนียภาพที่น่าทึ่งของอาคารบ้านเรือนในปัจจุบัน และพื้นที่ทำการเกษตรริมแม่น้ำไนล์ด้วย
    การขึ้นบอลลูนชมทัศนียภาพที่นี่ ราคาประมาณ 100 USD (ประมาณ 3,000 กว่าบาท)

 

ราคาแพ็กเกจทัวร์ขึ้นบอลลูนในแต่ละที่ มีหลายราคาแตกต่างกันไปตามมโยบายของแต่ละบริษัท การขึ้นบอลลูนในแต่ละครั้งนั้นต้องอาศัยปัจจัยด้านสภาพอากาศเป็นหลัก จึงควรเลือกบริษัทที่ชัดเจนในนโยบายด้านความปลอดภัย โดยควรพิจารณาจากผลงานที่ผ่านมาของบริษัท และประสบการณ์ของกัปตันประกอบด้วย

 

6 เรื่องจริงแต่น่าเศร้า ที่นักท่องเที่ยวหญิงแบบตัวคนเดียวมักพบเจอ

ถึงแม้ว่าในยุคปัจจุบันนี้ โลกจะเปิดกว้างให้กับผู้หญิงมากยิ่งขึ้น และผู้หญิงก็ออกเดินทางเที่ยวคนเดียวด้วยตัวเองมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่วายที่จะมีบางคนตัดสินผู้หญิง หรือคิดไปต่างๆ นานา ว่าการไปท่องเที่ยวของผู้หญิงแบบตัวคนเดียวมักจะเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา วันนี้เรามี 6 เรื่องจริงแต่น่าเศร้า ที่นักท่องเที่ยวหญิงแบบตัวคนเดียวมักพบเจอ มาฝาก ข้อไหนตรงกับคุณผู้หญิงที่ชอบเที่ยวคนเดียวบ้าง มาดูกันดีกว่า

.

.

1. ผู้คนมักตัดสิน และสงสาร

ถึงแม้ว่าผู้หญิงในยุคนี้จะมีความเท่าเทียมกันกับผู้ชายมากขึ้น แต่การที่ผู้หญิงท่องเที่ยวคนเดียวนั้นอาจจะทำให้หลายๆ คนมักจะตัดสินและตั้งคำถามในใจว่า ทำไมถึงมาเที่ยวคนเดียว อีกทั้งอาจจะรู้สึกสงสารว่าทำไมไม่มากับเพื่อน ครอบครัว ซึ่งบางทีก็อาจเป็นเรื่องน่ารำคาญใจหากต้องตอบคำถามเหล่านี้ในทุกๆ ครั้งที่ไปเที่ยว

.

2. คุณไม่สามารถทำอะไรที่อยากทำได้ทั้งหมด

หลายคนอาจจะคิดว่าการไปเที่ยวคนเดียว คุณจะได้ทำอะไรก็ตามที่คุณอยากทำ แต่นั่นไม่เป็นจริง คนเรามักมีข้อจำกัดในความสามารถในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น หากคุณไปเที่ยวเกาะในประเทศไทยคนเดียว แต่คุณอยากขี่มอเตอร์ไซค์ แต่คุณขี่ไม่เป็น นั่นก็ทำให้คุณพลาดโอกาสอะไรหลายๆ อย่างอเป็นต้น

.

3. ในบางวัฒนธรรม ผู้หญิงต้องทำตามกฎต่างๆ 

พูดถึงเรื่องการไปเที่ยวต่างประเทศ หลายๆ วัฒนธรรม มักจะจำกัดสิทธิของผู้หญิง ซึ่งคุณต้องทำตาม และบางครั้งอาจจะทำให้การท่องเที่ยวของคุณหมดสนุกเอาได้ หรือบางสถานที่ที่คุณไป อาจจะไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าไปเยี่ยมชม ซึ่งถือเป็นอะไรที่น่ารำคาญใจเช่นเดียวกัน สำหรับนักท่องเที่ยวหญิง

.

4. ได้รับความสนใจมากจนเกินไป จนขาดความเป็นส่วนตัว

การที่ผู้หญิงท่องเที่ยวคนเดียว อาจจะทำให้ผู้คนมากมายให้ความสนใจกับคุณ ซึ่งอาจจะเป็นการห่วงใย หรือไม่ก็ตาม ซึ่งการได้รับความสนใจนี้อาจจะทำให้คุณขาดความเป็นส่วนตัว และทำให้คุณไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่

.

5. เรื่องความสะอาด โดยเฉพาะช่วงวันนั้นของเดือน

เรื่องความสะอาด อาจจะส่งผลกระทบอย่างมากสำหรับคุณผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่หากคุณมีประจำเดือน ซึ่งต้องการความสะอาดมากเป็นพิเศษ ซึ่งอาจจะทำให้คุณรู้สึกอึดอัดและไม่สบายตัว นอกจากเรื่องความสะอาดแล้ว ยังอาจทำให้คุณรู้สึกปวดท้อง และทำให้การเที่ยวไม่สนุกเอาได้

.

6. อันตรายจากการคุกคามทางเพศ

ผู้หญิงที่ท่องเที่ยวคนเดียวอาจจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษกับเรื่องความปลอดภัยและการคุกคามทางเพศ เพราะผู้หญิงนั้นตามสภาพร่างกายแล้วมักจะมีแรงที่น้อยกว่าผู้ชาย ดังนั้น เรื่องความปลอดภัย จึงจำเป็นเป็นอย่างมากสำหรับผู้หญิงที่ท่องเที่ยวเพียงลำพัง หากคุณพบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ หรือรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ควรแจ้งตำรวจท่องเที่ยวให้รับทราบ