สัมผัสวิถีชีวิตกรุงเทพฯ เมื่อครั้งอดีต…กับเรื่องเล่าจากลาดกระบัง

                ลาดกระบังเป็นเขตพื้นที่หนึ่งของกรุงเทพมหานคร ซึ่งหากใครได้ไปจะพบว่าบรรยากาศและธรรมชาติยังไม่ถูกความวุ่นวายของเมืองเข้าไปแทนที่มากนัก ยังคงรักษาไว้ซึ่งวิถีชีวิตความเป็นชุมชนดั้งเดิม และเอกลักษณ์ของลาดกระบังในสมัยก่อนไว้อย่างค่อนข้างชัดเจน ทั้งความเงียบสงบ ความเป็นธรรมชาติ วิถีชีวิตชาวบ้านที่ส่วนหนึ่งยังคงอาชีพเกษตรกรรมอยู่ ซึ่งหาไม่ได้แล้วในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน สิ่งเหล่านี้เป็นแรงสิ่งดูดผู้คนที่สนใจให้อยากลองไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในเขตลาดกระบัง อาทิ

ชุมชนหัวตะเข้

ชุมชนเก่าแก่ที่อยู่คู่กับลาดกระบังมาช้านาน อาคารบ้านเรือนแต่ละหลังภายในชุมชน ซึ่งอยู่ติดกับลำคลองสายใหญ่ จะสร้างด้วยไม้เกือบทั้งหมด ตั้งอยู่ชิดติดกันให้กลิ่นอายอบอุ่นใกล้ชิดของชุมชนในสมัยก่อน ภายในชุมชนนอกจากจะมีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยแล้วยังมีโรงเรียนและตลาดที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ตลาดหัวตะเข้ ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมปั่นจักรยานหรือเดินชมบรรยากาศ ผ่านเส้นทางไม้ซึ่งเลาะไปตามริมคลองอันเงียบสงบ นาน ๆ ครั้ง จะมีชาวบ้านขนของสัญจรผ่านมา บางครั้งลมมักจะพัดเอากลิ่นและไอเย็นของน้ำผ่านมา ในขณะกำลังชมรอบตลาด ที่ให้กลิ่นอายคลาสสิคของตลาดเก่าซึ่ งมีทั้งร้านอาหารทั้งคาวหวาน ร้านตัดผม พื้นที่ส่วนจัดแสดงผลงานศิลปะ ร้านโชว์ห่วยโบราณ ซึ่งขายอุปกรณ์เครื่องเขียน อุปกรณ์ศิลปะ ร้านขายของเล่นโบราณ ร้านเย็บผ้า ฯลฯ เมื่อเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงสะพานไม้สไตล์ชุมชนเก่า จะมองเห็นลำคลองที่ตลอดสายเรียงรายด้วยบ้านเรือนทั้ง 2 ฝั่ง มองไกลออกไปอีกหน่อยก็จะพบกับกำแพงอาร์ตลวดลายกราฟิกเท่ ๆหลากหลายภาพ ซึ่งรอให้นักท่องเที่ยวไปถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ชุมชนหัวตะเข้นั้นสามารถมาเยี่ยมชมได้ทุกวัน ส่วนหากอยากเที่ยวตลาดที่เปิดขายอย่างคึกคักให้มาทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-16.00 น. ตลาดหัวตะเข้จะเปิดต้อนรับเหล่านักท่องเที่ยวอยู่

วิทยาลัยช่างศิลป ลาดกระบัง

วิทยาลัยช่างศิลป ลาดกระบัง สามารถเข้าเยี่ยมชมผลงานศิลปะภายในวิทยาลัยได้ ซึ่งต้องติดต่อขออนุญาณก่อน โดยเฉพาะหากมากันเป็นกลุ่มทั้งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ฯลฯ ในระหว่างการเข้าชมจะมีวิทยากรมานำบรรยาย เล่าถึงประวัติความเป็นมาของวิทยาลัยช่างศิลปฯ พาชมประติมากรรมรูปแบบต่าง ๆ อันมีเอกลักษณ์ ที่ตั้งอยู่โดยรอบวิทยาลัย พร้อมบรรยายถึงประวัติและความเป็นมาที่น่าสนใจของผลงานแต่ละชิ้น นอกจากนี้วิทยากรจะพาเข้าชมผลงานทั้งศิลปะไทย ประเพณี และศิลปะร่วมสมัยของวิทยาลัย นักศึกษา ศิลปินท่านต่าง ๆ ภายในอาคารเรียน อาทิ ผลงานภาพลายรดน้ำ ซึ่งเป็นผลงานของนักศึกษา ภาพจิตรกรรม ภาพวาด ประติมากรรมหลากหลายรูปแบบ และยังมีมุมจัดแสดงผลงานอื่น ๆ ที่ผู้เยี่ยมชมนั้นสามารถถ่ายรูปกันได้อย่างอาร์ต ๆ อีกด้วย ฯลฯ

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าสนใจเหล่านี้แล้ว ลาดกระบังยังมีแหล่งเรียนรู้เชิงวิถีชีวิต อาทิ การเยี่ยมชมกลุ่มเกษตรกร ที่จะพาชมสวนและบรรยากาศวิธีการทำเกษตรกรรมแบบผสมผสาน นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่ได้จากทางการเกษตรให้เลือกซื้อเลือกชิมกันอีกด้วย

 

หากเที่ยวกรุงฯ ตอนมีแสงแดดรู้สึกร้อน..ลองเที่ยวตอนมีแสงนีออนดูมั้ย

ด้วยว่าประเทศไทยนั้นเป็นประเทศในเขตร้อน จึงทำให้หลาย ๆ ครั้งการจะออกไปเที่ยวนอกบ้านสักครั้ง ต้องพกร่ม พกน้ำ และอุปกรณ์กันแดดกันร้อนอีกหลายชิ้นเยอะแยะไปหมด หลายคนแต่งตัวพร้อมแล้ว แต่พอก้าวเท้าออกจากบ้านเจอแสงแดดอันอบอุ่นถึงขีดสุด ก็เลือกที่จะเปลี่ยนใจเดินกลับเข้าบ้านทันที เมื่อเห็นว่าการนอนเปิดพุงให้พัดลมเป่า น่าจะดูผ่อนคลายเสียมากกว่า ในเมื่อไม่อยากออกไปเจอแสงแดดอันแรงกล้าในยามกลางวัน ทำไมไม่ลองหันมาเที่ยวในตอนเย็นดูบ้างล่ะ วันนี้จะลองพามาดูสถานที่เที่ยวยามเย็นที่น่าสนใจกันสัก 1- 2 แห่ง ตามมาดูกันเลย

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)

วัดพระแก้วจะเปิดให้เข้าภายในช่วงเวลากลางวันเท่านั้น พอหมดเวลา ประตูทางเข้าจะปิดลงพร้อมกับแสงสว่างของพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ หายไป ฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีคราม หลายคนเริ่มเดินทางกลับ หากแต่ลองเดินช้า ๆ รอบวัดพระแก้วดูสักพัก รับลมพัดเย็น ๆที่ มาพร้อมกับแสงสว่างจากหลอดไฟริมถนนรอบวัดพระแก้ว ที่เปิดสว่างขึ้นทีละดวง จะเห็นยอดเจดีย์ ยอดหลังคาวัด และแนวกำแพงหลายเป็นสีเหลืองทองจากแสงไฟที่สาดส่องภายในวัด คล้ายกับวัดเรืองแสงได้เอง พอหันกลับมามองรอบตัวอีกที ทางเท้าด้านหน้าริมกำแพง ท้องถนน อาคารตึกแถวก็เต็มไปด้วยแสงจากหลอดไฟสีเหลืองเฉกต่าง ๆ สว่างไสว ยิ่งในช่วงงานเทศกาลหรืองานเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษแสงจากหลอดไฟ จะส่องสว่างไปทั่วบริเวณสุดลูกหูลูกตา ให้บรรยากาศอันสวยงามแปลกตา ที่ต้องลองเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง

สะพานพุทธ

สะพานพุทธฯ สะพานเหล็กสีเขียวอันมีเอกลักษณ์ ในช่วงเย็นหลายคนปั่นจักรยานมากับแก๊งเพื่อนฝูง หรือเดินจูงมือเดินข้ามสะพานกับคู่รักเพื่อรับลมชมวิวบนสะพานที่เกิดขึ้นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่กลับสวยงามจับตา ท้องฟ้าสีฟ้าอ่อนเจือส้ม พระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงข้างพระปรางค์วัดอรุณฯ เห็นเพียงโครงพระปรางค์ โครงเรือที่แล่นอยู่บนน้ำสีทึบ ผิวแม่น้ำเจ้าพระยาสะท้อนแสงสีส้มอมเหลืองของแสงสุดท้ายของวัน หากอดใจรออีกสักพักจะเห็นเรือ อาคารบ้านเรือน ตึกสูง และวัดอรุณฯ กลับยังคงสว่างไสวเรืองรองด้วยแสงไฟนีออน ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด แสงไฟที่สาดกระทบกับองค์พระปรางค์วัดอรุณฯ สีเหลืองทอง สะท้อนตกลงสู่ผิวแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้ ๆ รวมถึงแสงไฟจากเรือขนาดต่าง ๆ ที่ล่องตามแม่น้ำ ทำให้ผิวแม่น้ำดูเงางามคล้ายกับกระจก แม้แต่ตัวสะพานเองก็สว่างไสวด้วยแสงสีส้มจากหลอดไฟด้านบน เกิดเป็นภาพอันมีเสน่ห์ดึงดูดใจ

กรุงเทพมหานครเมืองที่ไม่เคยหลับใหล แม้แต่ในยามค่ำคืนก็ยังคงสว่างไสวด้วยแสงไฟจากการดำเนินชีวิต ทำให้เกิดภาพอันสวยงามอันแตกต่างจากตอนกลางวันอีกแบบหนึ่ง หลายแห่งกลายเป็นสถานที่ถ่ายรูปหรือเดินเล่นรับลมเย็น ๆ ที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่หลงแสงบางกอกกันไม่น้อยเลยทีเดียว

 

หนึ่งวันกับการเดินเที่ยวสบายๆในย่าน 4 แยกคอกวัว…ถิ่นเก่าแห่งโรงวัวนม

ในย่าน 4 แยกคอกวัว นอกจากถนนข้าวสาร ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติแล้ว หลายคนคงอยากรู้ว่ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรอีกบ้างในย่านนี้ ที่สามารถเดินเที่ยวกันได้ไม่ต้องมานั่งรอรถเมล์ให้เสียเวลาเที่ยว วันนี้ลองมาทำความรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยว ที่สามารถใส่รองเท้าแตะเดินเที่ยวสบาย ๆ จากย่าน 4 แยกคอกวัวกัน

พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่

พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ตั้งอยู่ภายในกุฏิที่สุนทรภู่เคยจำพรรษอยู่ เมื่อครั้งบวชเป็นพระภิกษุ ณ วัดเทพธิดารามวรวิหาร โดยภายในกุฏิมีการแบ่งเป็น 3 ห้อง ซึ่งจะจัดแสดงเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับสุนทรภู่ อาทิ ประวัติความเป็นมาและเส้นทางชีวิต ข้าวของเครื่องใช้ขณะที่สุนทรภู่บวชเป็นพระภิกษุ บอร์ดประลองความรู้เกี่ยวกับกาพย์กลอน ผลงานต่าง ๆ รวมทั้งลายอักษรที่เขียนด้วยสุนทรภู่ของจริง นอกจากนี้ยังมีห้องที่ภายในมีเทคโนโลยี เออาร์ เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมสามารถถ่ายภาพเสมือนจริงร่วมกับสุนทรภู่ได้ นอกจากนี้ยังมีจุดบริการสำหรับเช่าชุดไทย สำหรับผู้สนใจไว้สวมถ่ายภาพอีกด้วย

วัดราชนัดดารามวรวิหาร

รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดให้สร้างขึ้น โดยสิ่งที่สะดุดตาเมื่อเดินเข้าภายในวัดนั่นคือ โลหะปราสาท ซึ่งเป็นโลหะปราสาทหนึ่งในสามแห่งในโลก และยังเป็นเพียงโลหะปราสาทแห่งเดียวที่ยังสมบูรณ์อยู่ ภายในโลหะปราสาทได้มีการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของการก่อสร้าง ภาพของโลหะปราสาทในแต่ละยุคแต่ละสมัย และประวัติโลหะปราสาททั้งสามแห่ง ส่วนตรงกลางของโลหะปราสาทมีบันไดเพื่อขึ้นไปชมวิวพร้อมรับลมเย็น ๆ ด้านบนซึ่งจะเห็นวิวโดยรอบเกาะรัตนโกสินทร์อีกด้วย

หอสมุดกรุงเทพ    

ภายในหอสมุดแห่งนี้จะมีทั้งหมด 4 ชั้น โดยแบ่งเป็นหลากหลายส่วน อาทิ ส่วนของมุมอ่านหนังสือโดยจะมีหนังสือประเภทต่าง ๆ มากมายทั้งนิยาย การท่องเที่ยว หนังสือสำหรับเด็ก หนังสือต่างประเทศ ฯลฯ ส่วนพื้นที่สำหรับเด็กให้ได้อ่านและเล่น ส่วนของการจัดแสดงนิทรรศการ ซึ่งจะมีส่วนของนิทรรศการหลักและนิทรรศการหมุนเวียนที่จัดขึ้นเพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้าชม ส่วนของร้านอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ในแต่ละอาทิตย์หอสมุดกรุงเทพยังมีการจัดบรรยายให้ความรู้ซึ่งหากใครสนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่หน้าห้องจัดบรรยายเพื่อรับฟัง นอกจากนี้ภายในหอสมุดยังมี Wi-fi และคอมพิวเตอร์ให้กับผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกอีกด้วย การเข้าใช้บริการหอสมุดกรุงเทพไม่เสียคาใช้จ่ายใด ๆ เพียงใช้บัตรประจำตัวประชาชนก็สามารถเข้าไปได้ โดยเปิดทุกวันอังคาร – เสาร์ เวลา 08.00 – 21.00 น. และ วันอาทิตย์ เวลา 09.00 – 20.00 น.

บริเวณแถวแยกคอกวัวยังสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่สามารถเดินเที่ยวได้ไม่ไกลจากกันมากนักซึ่งจะให้บรรยากาศในการเที่ยวอีกแบบ เห็นถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อยู่ระหว่างเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวถัดไป ซึ่งจะไม่ทันได้สังเกตแน่นอน หากไม่ได้เดินผ่านเพื่อสัมผัสมันเอง และนี่ล่ะคือเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเดินเที่ยว

 

ไปเที่ยวที่ไหนกันดี….ในย่านฝั่งธนบุรีเมืองหลวงแต่เก่าก่อนของไทย

เขตธนบุรี หรือที่เราคุ้นหูกันในชื่อ ฝั่งธนฯ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของไทย แม้เวลาผ่านไปเป็นร้อยปี สถานที่สำคัญในอดีตย่านฝั่งธนฯ หลายแห่งอาจเลือนหายไปตามกาลเวลา แต่ก็มีอีกหลายแห่งที่ผู้คนยังคงรักษาเอกลักษณ์และรูปแบบความเป็นอยู่ เหมือนเมื่อครั้งฝั่งธนฯ เป็นราชธานี สถานที่เหล่านั้นมีที่ไหนกันบ้างตามมารับชมกันเลย

ชุมชนกุฎีจีน

กุฎีจีนเป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่มีความเก่าแก่มาก โดยตั้งขึ้นตั้งแต่ในสมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานี หากเดินเข้าไปในชุมชน ผ่านตรอกขนาดเล็ก จะพบว่าตัวบ้านเรือนหรืออาคารก่อสร้างตั้งอยู่ใกล้ชิดกันอย่างอบอุ่น โดยแต่ละหลังจะมีกลิ่นอายเก่าอันมีมนต์เสน่ห์ของวัฒนธรรม ความเชื่อต่าง ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ เนื่องจากภายในชุมชนแห่งนี้มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและศาสนา เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ จะพบว่าชุมชนแห่งนี้ ตั้งติดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและมีสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าสนใจภายในชุมชนอยู่หลายแห่ง อาทิ มัสยิดบางหลวง มัสยิดที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมไทยจีนสีขาวเขียว ดูคล้าย ๆ สถาปัตยกรรมในวัดโพธิ์ซึ่งดูสวยงามแปลกตาไปจากมัสยิดทั่วไปที่เคยพบเห็นและในบริเวณมัสยิดยังมีเรือนไทยโบราณที่ตั้งอยู่อีกด้วย ฯลฯ นอกจากนี้ในชุมชนยังมีศาสนสถานของศาสนาอื่น ๆ ทั้งศาลเจ้าเกียนอัน โบสถ์ซางตาครู้ส หรือวัดต่าง ๆ ก็ตั้งอยู่ไม่ไกลมากนัก ดู ๆ ไปแล้วชั่งเป็นความแตกต่างอันแสนลงตัว

ตลาดน้ำตลิ่งชัน

ตลาดน้ำตลิ่งชันตั้งอยู่ใกล้กับสำนักงานเขตตลิ่งชัน เมื่อมาถึงหน้าตลาดจะพบแผงขายของตั้งอยู่ ร่มขนาดใหญ่หลากสีของแต่ละร้าน กางเรียงรายติดกันอย่างเป็นระเบียบ การค้าการขายก็คึกคันกันตั้งแต่หน้าตลาด พอเดินตามทางเข้าตลาดมา จะพบว่าตลอดทางทั้งสองฝั่งจะเห็นข้าวของหลายสิ่งวางขายอยู่ ทั้งผักสด ผลไม้สด ซึ่งใส่ในเข่งบ้างในกระจากบ้าง เดินขยับไปอีกหน่อย ก็พบร้านขายต้นไม้ดอกไม้ ร้ายขายหมวก และร้านขายอาหารต่าง ๆ ก็มีขายอยู่ไม่ขาดสายตลอดทาง เมื่อมาถึงบริเวณตลาดน้ำจะพบเรือพายของพ่อค้าแม่ขาย มาจอดเทียบท่าขายของกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกอาหารที่ปรุงขายกันสด ๆ ในเรือ ทำให้เห็นควันขาว ๆ จากหม้อจากกระทะฟุ้งกระจายไปรอบ ๆ บริเวณท่าน้ำ หากเดินจนอยู่สึกหล้า ใกล้ ๆกับริมน้ำนั่นจะมีศาลาที่นั่งให้นั่งพักหรือนั่งกินอาหารที่จับจ่ายซื้อมา นั่งไปกินไปหรือจะนั่งไปฟังเพลงบรรเลงจากวงดนตรีไทยที่จะเล่นขับกล่อมอยู่เป็นระยะก็เพลิดเพลินไม่น้อยเลยทีเดียว

ย่านฝั่งธนบุรีไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวเพียงแค่นี้เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายสถานที่ซึ่งมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ประเพณี และความเชื่อหากแต่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนและมีชีวิตชีวาอันน่าประทับใจที่รอให้เหล่านักท่องเที่ยวไปสัมผัสกัน

 

เที่ยววันหยุดสุดสัปดาห์กันแบบชิลล์ ๆ กับ….พระราชวังเก่าในช่วงสงครามโลก

ในช่วงเวลานั้นที่โลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เกิดความสูญเสียมากมาย ประเทศไทยได้มีการปรับตัวและพัฒนาเพื่อป้องกันการรุกรานจากภายนอกในด้านต่าง ๆโดยสถาปัตยกรรมจากสมัยนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่ยังคงเหลือร่องรอยไว้ให้ศึกษาประวัติศาสตร์ ซึ่งแฝงด้วยกลิ่นอายแห่งการบอกเล่าเรื่องราวแต่ครั้งก่อน โดยเฉพาะวังซึ่งมีหลายแห่งในกรุงเทพฯ ที่ยังคงอยู่และได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมกัน อาทิ

พระราชวังพญาไท

                พระราชวังพญาไทสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ตรงกับช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อเดินเข้ามาภายในวังจะพบกับตึกสไตล์ยุโรปขนาดใหญ่ 4 แห่ง ที่สร้างเชื่อมติดกันด้วยการก่ออิฐฉาบปูน ภายในมีการวาดภาพปูนเปียก ปูนแห้งตามผนัง มีการตกแต่งอย่างหรูหราอย่างตะวันตกตั้งแต่ราวบันได โคมไฟ ตัวเครื่องเรือนเครื่องใช้ จนถึงห้องด้านบนสุดห้องหนึ่งของวัง เมื่อมองลงมาด้านล่างจากทางหน้าต่างที่เปิดอ้ารับลมไว้ ก็จะพบกับสวนโรมันขนาดใหญ่ ที่มีลานเวทีแบบโรมัน ลานน้ำพุ รูปปั้นโรมัน และสวนต้นไม้ดอกไม้นานาชนิด ที่ได้รับการตัดแต่งอย่างสวยงาม วังพญาไทนั้นสามารถเดินมาจากบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ และเปิดให้เข้าชมทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 09.30 น. และ 13.30 น. สำหรับวันจันทร์ – วันศุกร์ จะต้องทำหนังสือขออนุญาตเข้าชมก่อน

วังสวนผักกาด

                วังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายนอกอาณาเขตของวังสวนผัดกาด จะรอบล้อมไปด้วยตึกสูงและความเจริญต่าง ๆ หากแต่เมื่อก้าวเข้ามาในเขตวัง ก็จะพบบรรยากาศที่ราวกับหลุดกลับไปในช่วงเวลาสมัยก่อน ด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่นแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ทั่วอาณาเขต ทั้งไม้พุ่ง ไม้เลื้อย หรือไม้ยืนต้นสูง ที่มีมากมายหลากหลายชนิด เป็นแหล่งที่พักอาศัยของเหล่านก ที่บางครั้งส่งเสียงร้องสร้างความเพลิดเพลินให้แก่ผู้มาเยี่ยมชม เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ จะเห็นน้ำพุขนาดเล็กในบ่อน้ำใกล้กับเรือนไทยโบราณ ที่มีอยู่หลายหลัง ตั้งเรียงรายไม่ไกลกันมากนัก โดยแต่ละหลังได้มีการจัดแสดงข้าวของโบราณต่าง ๆ ทั้งพวกเครื่องสังคโลก เครื่องดนตรีโบราณ อาวุธโบราณ พระพุทธรูปสำริดสมัยสุโขทัย โบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ และวัตถุโบราณทั้งไทยทั้งต่างประเทศ นอกจากนี้ยังคงมีหลุมหลบระเบิด อีกหนึ่งหลักฐานที่หลงเหลือไว้จากช่วงยุคสงครามโลก หากสนใจจะเข้าเยี่ยมชมวังสวนผักกาดนั้นสามารถเข้าชมได้ทุกวัน เวลา 09.00 น. – 16.00 น.

หากคุณกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวแบบชิลล์ ๆ แฝงกลิ่นอายคลาสสิค ไม่ต้องเดินทางไกลและค่าใช้จ่ายสบายกระเป๋า เพื่อพาร่างกายอันอ่อนล้าจากการเรียนหรือการทำงาน ไปเติมพลังและถ่ายรูปกับสถานที่สวย ๆ ไว้อัพลงโซเชียล การท่องเที่ยววังเก่าก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งน่าสนใจทีเดียว

 

รวม เว็บไซต์ 5 ผู้ช่วยหาที่พักถูกใจ ราคาใช่เลย!

                สมัยนี้เทคโนโลยี 4.0 แล้ว ท่องเที่ยวสักทีผู้ช่วยเพียบ! ไม่ต้องโทรหาตามหาที่พักเหมือนแต่ก่อน วันนี้เรามี 5 เว็บหาโรงแรม โฮสเทล ตลอดจนที่พักเด็ด ๆ ที่มีเครือข่ายที่พักทั่วโลก มาฝากกัน รับรองรับว่าถูกใจแน่นอน

https://www.agoda.com

                เว็บไซต์จองห้องพักและโรงแรมยอดฮิตอันดับหนึ่ง รวมที่พักกว่า 1,925,000 ทั่วโลก พร้อม 15 ล้านรีวิวจากผู้เข้าพัก สามารถเลือกที่พักได้ตามใจผ่านตัวกรองที่ค่อนข้างละเอียด เช่น ประเภท ราคา ย่านที่พักที่ต้องการ คะแนนจากผู้เข้าพัก ระดับดาวของโรงแรม สถานที่ใกล้เคียง ความเด่นของอโกด้าอยู่ที่โค้ดส่วนลดสูงสุดกว่า 80% (ต้องอ่านเงื่อนไขดี ๆ) สามารถยกเลิกการจองได้ ไม่มีค่าธรรมเนียม และการจองผ่านบัตรเครดิตแต่ยังไม่ตัดเงินทันที นอกจากนี้ยังมีบริการรับถึงสนามบิน พร้อมจองเที่ยวบินอีกด้วย

https://www.trivago.co.th

เว็บไซต์ตัวกลางค้นหาโรงแรมที่พัก โดดเด่นเรื่องการเปรียบเทียบราคาจาก 400 เว็บไซต์ทั่วโลก มีโรงแรมกว่า 1.4ล้านแห่งทั่วโลก พร้อมรีวิวจากผู้เข้าพัก สามารถค้นหาเริ่มต้นจากสถานที่ และจังหวัดที่ต้องการไป กรอกวันที่เข้าพัก และหาที่พักในฝันได้เลย สามารถเลือกตัวกรองได้หลายอย่าง ทั้งราคา รีวิว สถานที่ใกล้เคียง หรือฟีเจอร์เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น Wi-Fi สปา อาหารเช้า และเมื่อกดดูข้อเสนอเว็บไซต์จะเชื่อมไปยังเว็บไซต์จองโรงแรมที่พัก นั้น ๆ

https://www.traveloka.com

เว็บไซต์ 2 อิน 1 ที่มีทั้งการจองโรงเเรมและตั๋วเครื่องบิน พร้อมโปรโมชั่นราคาประหยัด ดีลสุดคุ้ม สามารถเลือกที่พักได้จากตัวกรองหลากหลาย ทั้งคะแนนจากผู้เข้าพัก ระดับดาวของโรงแรม ประเภทของที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน ฯลฯ เว็บไซต์จะแสดงราคาที่มีส่วนลดของโรงแรมหรือสายการบิน สำหรับการจองห้องพัก เมื่อกดดูห้องพักจะแสดงภาพที่พัก รีวิวความคิดเห็นของผู้ที่เคยเข้าพัก แสดงคะแนนความพึงพอใจการให้บริการจาก Trip Advisor  นอกจากนี้เว็บไซต์นี่ยังมี แอป และราคาโปรฯในแอปกับเว็บก็ต่างกันอีกด้วย

https://www.booking.com

เว็บไซต์จองโรงแรมที่โดดเด่นด้วยการเลือกพัก เช่น เทศกาลอีสเตอร์ โลว์ซีซั่น รวมทั้งแนะนำสถานที่เที่ยวให้ด้วย มีส่วนลดและโปรโมชั่นมากมายให้ติดตาม ราคาถูกและขึ้นราคาตามจริงกว่าหลาย ๆ เว็บ สามารถเลือกที่พักตามประเภทได้ เช่น อพาร์ตเมนต์ วิลลา เคบิน ค็อทเทจ อพาร์ตโฮเทล ฮอลิเดย์โฮม ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน แนะนำที่พักสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การพักผ่อน พบปะผู้คน เข้าร่วมอีเว้นท์ การผจญภัย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีรีวิวจากผู้เข้าพักอีกด้วย ภายในเว็บมีห้องมากกว่า 1.75 ล้านแห่ง แต่เป็นที่พักที่ไม่เหมือนที่อื่นกว่า 1.3 ล้านแห่ง เลยทีเดียว มีบริการเรียกแท็กซี่ และจองตั๋วเครื่องบินได้ด้วย

https://th.hotels.com/

เว็บไซต์จองที่พักที่เมื่อค้นหาที่พักผ่านตัวกรองแล้ว จะแสดงรายชื่อที่พัก รายละเอียดต่าง ๆ รวมถึงระบบHotels.com™ Rewards คือการสะสมคืนเข้าพัก หรือแลกรับห้องพักฟรี เมื่อจองครบ 10 ครั้ง มีเมนูดีลพิเศษ ดีลประจำวัน ดีลนาทีสุดท้าย ทริปด่วนประทับใจ สถานที่ยอดนิยม หรือหากกดสมัครสมาชิกจะได้รับราคาลับจากทางเว็บอีกด้วย

ถ้าเจอหรือจองที่พักที่ถูกใจก็ย่าลืมเช็คความชัวร์กันด้วยนะ เรื่องราคาในแต่ละเว็บบางทีอาจจะยังไม่รวมภาษีนู่นนี่ ทางที่ดีเปรียบเทียบแต่ละเว็บให้ถี่ถ้วนและค่อยจอง จะได้คุ้มที่สุด!

ปัก 10 แลนด์มาร์ค น่าเที่ยวในประเทศอาเซียน !!

อาเซียนร่วมใจ อาเซียนเรามาร่วมใจ ที่ร้องเพลงนี้เพราะว่าวันนี้ จะพาส่องแลนด์มาร์คน่าเที่ยวสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียน หรือ ที่คุ้นเราคุ้นหูกันว่า “AEC” มีประเทศไทยเรารวมอยู่ด้วย ประเทศไหนอะไรโดน มาดูกันเลย

วัดพระแก้ว ประเทศไทย

                ขอเริ่มที่บ้านเราก่อนแล้วกัน ที่วัดพระแก้วหรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองไทย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และเป็นส่วนหนึ่งของพระบรมมหาราชวัง การแต่งกายเข้าชมจะต้องแต่งตัวสุภาพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในอุโบสถของวัดพระแก้ว คือ พระแก้วมรกต นักท่องเที่ยวนิยมไหว้ขอพรมาก

จดีย์ชเวดากอง ประเทศพม่า

มหาเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชาวพม่า อายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี สูงตระหง่านกว่า 104 เมตร ภายนอกเป็นสีทองอร่าม บนยอดของพระเจดีย์ประดับด้วยเพชรกว่า 5,000 เม็ด ภายในบรรจุเกศของพุทธเจ้า ทั้งหมด 8 เส้น ตามความเชื่อของชาวพม่าและมอญ การบูชาพระเจดีย์จะทำให้หมดเคราะห์โศก หนีพ้นจากโรคภัย เจดีย์ตั้งอยู่ในเมืองย่างกุ้ง อดีตเมืองหลวงของพม่า

นครวัด ประเทศกัมพูชา

                ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 หนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นมรดกที่ส่งคุณค่าของชาวกัมพูชา ใช้เวลาก่อสร้างมากกว่า 100 ปี  ตัวปราสาทโออ่า กว้างขวาง ภายในมีเสามากกว่า1800 ต้น รองรับน้ำหนักของทั้งปราสาท เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ค่าเข้าชมมีราคาค่อนข้างสูง และแพงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็คุ้มค่ากับการเข้าชม เพราะศิลปะ สถาปัตยกรรมละเอียดและสมบูรณ์มาก นครวัดตั้งอยู่ที่เมืองเสียมราฐ

มัสยิดสุลต่าน โอมาร์ อาลี ไซฟุดดิน ประเทศบรูไน

ขึ้นชื่อว่าเป็นทัชมาฮาล แห่งบรูไน ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงบันดาร์เสรีเบกาวัน ภายนอกโดดเด่นด้วย โดมทองคำ  บนยอดสูงสุดของมัสยิด สถาปัตยกรรมภายในผสมผสานวัฒนธรรมของอิตาลี และชาวอิสลามอย่างลงตัว บรรยากาศภายในนอกร่มรื่นด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ จำลองการเดินอยู่ท่ามกลางสรวงสวรรค์

บลู ลากูน วังเวียง ประเทศลาว

                ชอบแนวธรรมชาติแบบสุด ๆ ต้องแบกเป้ไปจังหวัดวังเวียงสักครั้ง ที่นี่จะมีสิ่งที่เรียกว่า “บลู ลากูน” อยู่หลายจุด มันคือแหล่งน้ำธรรมชาติ ที่มีสีฟ้าใส เหมือนทะเลหรือสระน้ำเลย แต่ว่าไม่มีสารพิษเจอปนใด ๆ ทั้งสิ้น ลงไปเล่นได้ เมืองวังเวียงได้รับความนิยมมากจากชาวเกาหลี และ ไทย

ตึกแฝดปิโตรนาส ประเทศมาเลเซีย

                สูงตะหง่าน 375 เมตร ตั้งอยู่กลางเมืองหลวงอย่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้รับขนานนามว่าเป็นตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก มีทั้งหมด 88 ชั้น สถาปัตยกรรมได้รับแรงบันดาลใจจากศาสนาอิสลาม ออกแบบโดย ซีซาร์ เปลลิ ภายในและรอบโดย มีทั้งสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ

เมอร์ไลอ้อน ประเทศสิงคโปร์

สัญลักษณ์คู่บ้านคู่เมืองชาวสิงคโปร์ ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ลักษณะของรูปปั้นข้างบนเป็นสิงโต ข้างล่างเป็นปลา สะท้อนวิถีชีวิตสมัยก่อนของชาวสิงคโปร์ ตั้งอยู่ในกลางเขตเศรษฐกิจ ตรงข้ามมีห้างยักษ์ และตึกใหญ่ พร้อมการแสดงน้ำพุตระการตา ยามค่ำคืน ถ้าได้ไปต้องได้ถ่ายรูป

โบโรบูดูร์ ประเทศอินโดนีเซีย

                หรือคนไทยรู้จักกันในนามบูโรพุทโธ  ตั้งอยู่บริเวณเกาะชวา โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่สะท้อนความเชื่อของศาสนาพุทธนิกายมหายาน เจดีย์ต่าง ๆ ออกเป็นแบบทรงดอกบัว สะท้อนความเชื่อชาวพุทธ ความสูงทั้งหมด 42 เมตร ภายใน มี10 ชั้น ทั้งหมดก่อสร้างด้วยหินภูเขาไฟ แอนดีไซน์ นิยมขอพรเรื่องโชคดีและความสมหวัง

ช็อกโกแลตฮิลล์ ประเทศฟิลิปปินส์

                หรือเนินเขาช็อกโกแลต ตั้งอยู่บนเกาะโบฮอล ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ ความพีคของสถานที่ท่องเที่ยวนี่คือ เราจะมองเห็นเนินเขาย่อม ๆ สีน้ำตาล สีเขียว ผุดขึ้นมากว่า 1,700 ลูก ขนาดไล่เลียกัน มองแล้วเหมือนก้อนช็อกโกแล็ตบอลเรียงรายกัน กินพื้นที่มากกว่า 50  ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว

เนินทรายสีแดง ประเทศเวียดนาม

                อินเทรนด์ที่สุดก็ต้องแบกเป้ไปแลนมาร์คใหม่ของเวียดนาม ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนทะเลทรายของ AEC ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาก ทะเลทรายดังกล่าวตั้งอยู่ที่จังหวัดมุยเน่ ห่างจากเมืองหลวงไปกว่า 230 กิโลเมตร กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา และมีบริการพาเที่ยวสบาย ๆ

นี่แค่น้ำจิ้มเท่านั้น เพราะว่าแต่ละประเทศยังมีแลนมาร์ก และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกมาก ถ้าอยากเที่ยวต่างประเทศ แต่ไม่รู้จะปักหมุดที่ไหน บอกเลยว่า เขต AEC เราสวยงามใช่เล่นนะ

 

กิจกรรมต้องโดนเมื่อไปเที่ยว “เกาะล้าน”            

ตัวเลือกแรกเมื่อถึงช่วงซัมเมอร์ของเมืองไทย (เมษายน-พฤษภาคม) คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากไปดับร้อน ที่ทะเล หรือเกาะน้อยใหญ่ต่าง ๆ วันนี้เรามีหนึ่งเกาะน้ำใสไม่ไกลกรุงเทพฯ และใช้งบประมาณน้อยกว่าเกาะอื่นมาฝากกัน นั่นก็คือ “เกาะล้าน” นั่นเอง

“เกาะล้าน” เป็นเกาะในอ่าวไทย อยู่ในเขตพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นเกาะที่ไม่ใหญ่มาก แต่ปี ๆ หนึ่งต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติไม่หยุดหย่อน เกาะล้านนั่งเรือข้ามฝากจากพัทยาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว ใช้งบไม่มากในการท่องเที่ยว อาหารไม่แพง  หากใครคิดว่าไปเกาะล้านไม่รู้ทำอะไรนอกจากนอนรีสอร์ท เล่นน้ำทะเลเฉย ๆ ตามมาเลย!  เรามีกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟ มาให้ตามรอยกัน ต้องทำให้ครบนะ

เช่ามอเตอร์ไซค์ลุยเกาะล้าน

                เกาะล้านถึงจะไม่ใหญ่ แต่ก็เดินถึงกันลำบาก อันดับแรกที่จะต้องทำคือ เช่ามอเตอร์ไซค์ ซึ่งหาเช่าง่ายมาก เรียกว่ามีคู่กับทุกรีสอร์ท บางที่ก็ให้ฟรีอีก ค่าเช่าอยู่ประมาณ 300 บาท เติมน้ำมันให้เต็มถัง ไม่ต้องกลัวหมด ขี่วนรอบเกาะไปได้เลย แต่ว่าต้องมีสกิลขี่มอเตอร์ไซค์ที่ค่อนข้างแข็ง เพราะทางลาดชันเยอะมาก ส่วนสาเหตุที่ไม่ที่นี่ไม่ใช้รถยนต์สัญจรก็เพราะความจำกัดของพื้นที่นั่นแหละ เราจะเห็นรถกะป้อเล็ก ๆ เท่านั้น

ตะเวนเล่นน้ำตามหาดต่าง ๆ  

เกาะล้านถึงแม้จะไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีหาดต่าง ๆ ให้เล่นหลายที่ ทั้งหาดนวล หาดตาแหวน หาดตายาย และหาดเทียน ถ้ามีมอเตอร์ไซค์แล้วก็ตระเวนเล่นน้ำให้ครบเถอะ ฟินมาก แต่ละหาดก็บรรยากาศต่างกัน น่าเก็บรูปสวย ๆ ทั้งนั้น

ถล่มกินซีฟู้ดให้พุงกาง

ไปทะเลทั้งทีก็ต้องไปกินซีฟู้ด บนเกาะล้านราคาอาหารซีฟู้ดถือว่ากำลังน่ารัก ถือเงิน 500-1000 บาทก็สามารถกิน กุ้ง ปลา ปู ฯลฯ สบาย ๆ ราคาไม่อัพมาก มีทั้งร้านนั่งชิลล์ในตลาด หรือร้านหรูนั่งริมทะเลก็มีให้เลือกได้ตามความต้องการ

แวะถ่ายรูปกับท้องทุ่ง

แลนมาร์คลับ ๆ อย่าบอกใครก็อยู่ตรงนี่แหละ ระหว่างทางที่จะไปหาดนวล จะเป็นถนนเส้นยาวไม่มีบ้านคน ตรงนี้เต็มไปด้วยพืชพรรณธรรมชาติ ภูเขาสวยมาก เหมือนไม่ได้อยู่บนเกาะเลย เหมาะกับการเก็บภาพประทับใจกลับบ้านอย่างมาก

ส่งโปสต์การ์ดกลับบ้าน

                ก่อนกลับบ้านใกล้ ๆ กับท่าเรือก่อนกลับตัวพัทยา จะมีโซนขายของที่ระลึกอยู่ ถ้าใครชอบเสี่ยงโชค ชอบลุ้นก็แนะนำว่า ให้ลองส่งโปสต์การ์ดกลับบ้านดู ว่าจะใช้เวลากี่อาทิตย์ โดยแต่ละร้านจะมีตู้ไปรษณีย์พร้อมหยอด โปสเตอร์ก็น่ารักอยู่นะ
เราคงจะช่วยไขคำตอบให้ได้แล้ว ว่าไปเกาะล้าน ต้องไปโดนกิจกรรมอะไรบ้าง อย่าลืมไปเที่ยวกันนะ รับรองเปิดทริปมิติใหม่อย่างแน่นอน สำหรับการเดินไปเกาะล้านจะขับรถไปเองก็ขึ้นมอเตอร์เวย์สาย 7 ไปได้เลย ถ้ารถตู้ รถทัวร์ ขึ้นที่หมอชิต 2 หรือเอกมัยก็ได้

 

เก่าแต่เก๋า  4 ตลาดย้อนยุค ถ่ายภาพสวย ของกินเพียบ!

                เทรนด์การท่องเที่ยวปีนี้ มีวี่แววว่าโบราณสถาน วัดวาอาราม ตลอดจนสถานที่กลิ่นอายเก่า ๆ จะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ถ้าไม่อยากตกเทรนด์ วันนี้จะพาไปเซอร์เวย์ ตลาดเก่า ๆ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มาให้เลือกกัน มีทั้งเก่าแก่จริงและจำลองขึ้นมา แต่ละที่ได้บรรยากาศมากหวนคืนวันเก่ามาก ถ่ายรูปสวย แถมอาหารการกินก็ครบสมบูรณ์ จะมีตลาดไหนบ้าง ติดตามกัน

ตลาดสามชุก สุพรรณบุรี

                ตลาดแห่งนี้มีอายุยืนยาวมากกว่า 100 ปี ได้รับการอนุรักษ์รักษาอย่างดี ได้รับความนิยมมากในทั้งชาวไทย และต่างชาติ  ภายในมีร้านค้ามากกว่า 100 ร้าน ตลาดเป็นลักษณะห้องแถวเก่า เดินเพลิน ๆ ไม่น่าเบื่อ หน้าตลาดมีสะพานไม้ขนาดใหญ่ เหมือนเป็นทางเข้าออก ตรงนี้เป็นแลนมาร์คที่นิยมถ่ายรูปที่สุด อาหารการกินมีหลายชนิดให้ลิ้มลอง ทั้ง ลูกชิ้นยักษ์, ข้าวห่อใบบัว, หมูแดดเดียว จะซื้อกลับหรือนั่งกินที่ร้านก็ได้บรรยากาศเว่อร์ ที่ตั้งของตลาดอยู่ที่อำเภอสามชุก ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน  เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 7.00 -18.00 น.

ตลาดเพลินวาน หัวหิน

ถ้าใครไปหัวหินก็ขับเลยมาสักนิดก็จะเจอตลาดเก่า หน้าตาคล้ายโรงสีมีชื่อแปลกว่า “เพลินวาน” คอนเซ็ปต์ของตลาดก็พาให้เราเพลิดเพลินกับวันวานนี่แหละ ภายในจำลองบรรยากาศเก่า คล้ายงานวัด  มีการจัดจุดถ่ายรูปไว้ทั่วตลาด มีทั้งหมด 3 ชั้น  ประกอบไปด้วยร้านอาหารร้านของของฝาก ร้านของเล่นเก่า ๆ ร้านกาแฟ ครบถ้วน อาหารของตลาดเพลินวานอร่อยหลายอย่าง ต้องลองไปชิมดู วันหยุดจะคนเยอะหน่อย เข้าชมฟรีเปิดทุกวัน และปิดประมาณ4ทุ่ม

ตลาดน้ำ 4 ภาคพัทยา พัทยา

อีกหนึ่งตลาดเก่าจำลองเชิงอนุรักษ์ที่น่าโดน ต้องยกให้ที่นี่ เพราะเขารวมของขึ้นชื่อ วิถีชีวิตความเป็นไทย ครบ 4 ภาคไว้ที่เดียวกัน บรรยากาศร่มรื่นกลางแม่น้ำ จำลองวิถีชีวิตของพ่อค้าแม่ค้าริมน้ำได้ดี อาหารอร่อย เลือกตามใจเลย นอกจากเดินชิลล์แล้วยังมีกิจกรรมอื่น ๆให้ทำ เช่น ล่องเรือ, เรือสะเทินน้ำสะเทินบก, สาธิตการนวดแผนไทยโดยผู้เชี่ยวชาญ คนไทยเข้าชมฟรี ตัวตลาดมองเห็นง่ายอยู่ติดถนนสุขุมวิท ห่างจากพัทยาประมาณ 2.5 กิโลเมตร เท่านั้นเอง

ตลาดน้ำอัมพวา สมุทรสงคราม

ตลาดน้ำเก่าแก่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็ต้องที่นี่เลย เราจะได้เห็นวิถีชีวิตการค้าขายริมน้ำ พายเรือขายของจริง ๆ ไม่ใช้ตัวแสดงแทน บ้านเรือนในตลาดจะเป็นบ้านเรือนเก่าที่ชาวบ้านอาศัยอยู่จริง และได้รับการอนุรักษ์มายาวนาน สำหรับอาหารและขนม ที่ก็ขึ้นชื่อและราคาไม่แพง มีให้เลือกเยอะ ทั้งก๋วยเตี๋ยวเรือ หอยทอด ผัดไท อาหารทะเล ขนมไทย ฯลฯ เปิดบริการวันศุกร์- อาทิตย์ 12.00-20.00 น. ถ้าใครยังไม่อยากกลับก็หาโฮมสเตย์พัก นั่งเรือชมหิ่งห้อยได้เลย

                นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ปัจจุบันสถานที่ท่องเที่ยวแนวนี้มีเยอะมาก เลือกไปได้ทุกสัปดาห์เลยยังได้ แถมในการเดินทางแต่ละครั้งก็ใช้งบประมาณไม่เยอะ ไปเช้าเย็นกลับ หรือนอนค้างคืนเที่ยวที่อื่น ๆ ก็สามารถ

 

9 เหตุผลทำไมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถึงรัก 7-11 เมืองไทย    

ในสายตาชาวต่างชาติ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมายแรก ๆ ในการมาเที่ยวเลยทีเดียว เพราะประเพณี วัฒนธรรม ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยวของเรามีหลากหลาย เที่ยวฤดูไหน จังหวัดไหนก็สามารถ ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกเราก็ครบครัน พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก อย่างหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ “ร้านสะดวกซื้อ 7-11”

ร้าน 7-11 หรือเซเว่น อีเลฟเว่น คือหนึ่งในร้านสะดวกซื้อยอดนิยมของไทย ภายในร้านครบถ้วนด้วยสินค้า อาหาร และบริการครบวงจร ถูกใจชาวต่างชาติมาก วันนี้เราจะมาดูกันว่า ว่าทำไมนักเที่ยวต่างชาติ และคนไทยด้วย ถึงรัก 7-11 เมืองไทย

                1.มีสาขาเยอะ ในบ้านเรามี 7-11 มากกว่ากว่า 10,000 สาขา ครึ่งหนึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีทุกเขต ครบทุกซอกซอย บางทีเดินข้ามตึกไปก็เจอร้านเซเว่น 2 สาขาติดแล้ว สร้างทางเลือกให้นักท่องเที่ยวมาก สะดวกที่สุด

                2.จอง&จ่ายบิลต่าง ๆ ได้ เดี๋ยวนี้ 7-11 บ้านเราไม่ได้มีดีแค่ อาหาร ของใช้แล้ว แต่ยังมีบริการครบวงจร จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ จ่ายค่าตั๋วเครื่อง จองบัตรคอนเสิร์ต ที่อยู่ก็สามารถ นักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คเกอร์ ที่ลุย ๆ ชอบมาก

                3.รับบัตรเครดิต มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวจีน ชอบใช้บัตรเครดิต จับจ่ายสินค้า เดี๋ยวนี้ 7-11 บ้านเราพร้อมรับบัตรเครดิตแล้ว (ของต่างชาติด้วย) โดยจ่ายค่าบัตรขั้นต่ำ 300 บาทขึ้นไป

                4.บริการอุ่นอาหารฟรี   เพียงแค่เลือกอาหารที่ต้องการ ยื่นให้พนักงาน ก็ได้กินอาหารแสนอร่อย สดใหม่เหมือนทานที่ร้าน บริการอุ่นฟรี 7-11 ก็มีให้บริการเหมือนกัน นอกจากนี้เดี๋ยวนี้ยังมีบริการ ปิ้งขนมปัง ราดนมแสนอร่อย เป็นมื้อเช้าสบาย ๆ

                6.กินอาหารไทยได้ในราคาไม่กี่เหรียญ อาหารกล่องพร้อมทานของเซเว่น ประมาณ 35-50 บาท คิดเป็นเงินต่างชาติประมาณ 1-2 เหรียญเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นเมนูอาหารไทยขึ้นชื่อซะด้วย เช่น กะเพราไก่ไข่ดาว ลาบหมู หมูกระเทียม เป็นต้น อร่อยได้แบบไม่ต้องกินภัตตาคารทุกมื้อ

                7.คิดถึงบ้านไม่ต้องห่วง อาหารนานาชาติ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวบ้านเรา ถ้ากินอาหารไทยไม่ถูกปาก อยากจะหาอาคารแบบบ้านตัวเองกินง่าย ๆ แค่เข้าเซเว่น ครบถ้วนนานาชาติมากทั้ง ซูชิ, แซนด์วิช, แฮมเบอร์เกอร์, เกี๊ยวน้ำ ฯลฯ ครบสุดอะไรสุด

                8.ข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์ครบ ใครลืมอุปกรณ์อะไรไว้ที่บ้าน หรือไม่อยากใช้ของในโรงแรม ก็แวะมา 7-11 ครบ ทุกอุปกรณ์ ของใช้ส่วนตัว แปรงสีฟัน สบู่ ยาสระผม เสื้อยืด รองเท้าแตะ ฯลฯ

                9.โซนของฝากเพื่อชาวต่างชาติ เซเว่นแหล่งท่องเที่ยว หรือกลางเมือง มักจะมีโซนของให้ให้ชาวต่างชาติเลือกซื้อได้เลย ไม่ต้องไปเดินหา ก็ครบ โดยของฝากยอดฮิตที่มีวาง ใน 7-11 เช่น ทุเรียนทอด สาหร่ายเถ้าแก่น้อย กล้วยตาก เป็นต้น

                ขนาดเซเว่นบ้านเรายังสะดวกถูกใจชาวต่างชาติขนาดนี้ ในประเทศอื่น ๆ เซเว่นถึงขนาดมีบริการแท็กซี่ให้ด้วย อนาคต 7-11 เมืองไทยคงจะปล่อยอะไรเด็ด ๆ ของมาดึงดูดชาวไทยและนักท่องเที่ยวอย่างแน่นอน