“ช้าง อารีน่า” ศูนย์รวมความสุขของทุกครอบครัว

ในสมัยก่อน หากถามถึงสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อในจังหวัดบุรีรัมย์ ทุกคนต้องเอ่ยถึง “ปราสาทหินพนมรุ้ง” เป็นเสียงเดียวกันอย่างแน่นอน ด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม และประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่าพันปี แต่ในวันนี้ยังมีอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมุ่งหน้าไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่สักครั้งที่ “ช้าง อารีน่า”

                ช้าง อารีน่า เป็นสนามฟุตบอลประจำทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลชั้นนำของประเทศไทย เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2555 ภายใต้ชื่อ “ไอ-โมบาย สเตเดียม” ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ ช้าง อารีน่า ตามผู้สนับสนุนหลักของสโมสรในปี พ.ศ. 2560 ปัจจุบันสนามแห่งนี้มีความจุผู้ชมถึง 32,600 ที่นั่ง

                ด้วยงบประมาณการก่อสร้างกว่า 500 ล้านบาท (โดยไม่รวมค่าที่ดิน) สนามเหย้าของทีมปราสาทสายฟ้า ถือเป็นสนามฟุตบอลแห่งแรกของประเทศไทยที่ไม่มีลู่วิ่งมาคั่นกลางระหว่างสนามและผู้ชมให้เสียอรรถรส เช่นเดียวกันสนามฟุตบอลชั้นนำทั่วโลก โดยผ่านการรับรองมาตรฐานจากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (ฟีฟ่า) ระดับเวิร์ลคลาส และผ่านการรับรองมาตรฐานจากสหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ระดับเอคลาส นอกจากนั้นสนามแห่งนี้ยังถูกบันทึกกินเนสบุ๊ค ว่าเป็นสนามฟุตบอลระดับฟีฟ่า ที่ใช้เวลาในการก่อสร้างน้อยที่สุดในโลก เพียง 256 วันเท่านั้น

                ในวันที่มีแมตช์การแข่งขัน ช้าง อารีน่า จะคลาคล่ำไปด้วยแฟนบอลเซาะกราวที่เดินทางมาให้กำลังใจทีมโปรดของตัวเอง จนลานหน้าสนามรวมไปถึงลานจอดรถกว่า 1,000 คันแคบลงไปถนัดตา แต่ในวันที่ทีมปราสาทสายฟ้าไม่ได้ลงทำการแข่งขัน สนามแห่งนี้ก็ยังเปิดให้แฟนบอลและประชาชนทั่วไป เข้าชมสนามได้โดยไม่เสียค่าบริการใด ๆ ทั้งสิ้น จึงทำให้มีผู้มาเยี่ยมเยือนสนามแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย อีกทั้งยังมี บุรีรัมย์ เมกะสโตร์ จัดจำหน่ายสินค้าที่ระลึกต่าง ๆ ให้แก่ผู้มาเยือน จนสินค้าที่ระลึกภายใต้ตราสัญลักษณ์สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลายเป็นของฝากยอดฮิตไปในที่สุด และแน่นอนว่าสำหรับการแข่งขันไทยลีกนั้น คุณสามารถเลือกวางเดิมพันที่ VWIN ได้อย่างมั่นใจว่าแทงถูกจะได้เงินจริง

                นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงกับ ช้าง อารีน่า ยังเป็นที่ตั้งของ “บุรีรัมย์ คาสเซิล” คอมมูนิตี้มอลล์ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารชื่อดัง ร้านจำหน่ายสินค้าอันหลากหลาย และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอย่าง ปราสาทหินพนมรุ้งจำลอง สวนไม้ดอกไม้ประดับ และมหาศิวลึงค์ รองรับนักท่องเที่ยวทั้งที่เป็นแฟนบอลหรือประชาชนทั่วไปได้ทั้งครอบครัว

                ช้าง อารีน่า ไม่เพียงถูกใช้ในการแข่งขันฟุตบอลเท่านั้น ยังถูกเลือกใช้เป็นสถานที่จัดงานเทศกาลรื่นเริงประจำปีให้แก่ชาวบุรีรัมย์และชาวจังหวัดใกล้เคียงอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลสงกรานต์ หรือเทศกาลปีใหม่ ซึ่งจัดอย่างยิ่งใหญ่ในทุก ๆ ปี นอกจากนั้นบริเวณภายนอกสนามในวันที่ไม่มีการแข่งขันยังอนุญาตให้ใช้เป็นพื้นที่สำหรับกิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ ทั้งฟุตซอล, เซปักตะกร้อ และกีฬาเอ็กซ์ตรีมต่าง ๆ เรียกได้ว่า ช้าง อารีน่า คือสนามของชุมชนอย่างแท้จริง

                ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากตัวเมืองบุรีรัมย์ อีกทั้งยังมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกสบาย ช้าง อารีน่า จึงกลายมาเป็นจุดหมายปลายทางของเหล่านักท่องเที่ยวทั้งในและต่างจังหวัด ทำให้บุรีรัมย์ไม่ได้เป็นเพียงแค่จังหวัดชายแดนที่ห่างไกลและมีปราสาทหินโบราณเป็นเครื่องดึงดูดเดียวเพียงแห่งเดียวอีกต่อไป

Luzhniki Stadium สุดยอดสนามกีฬา ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมร่วมสมัย

Luzhniki Stadium สนามกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และถูกนำมาใช้เป็นสนามแข่งขันฟุตบอลโลกอีกด้วย จึงเป็นสนามกีฬาอีกหนึ่งแห่งที่ใครก็อยากลองแวะไปเที่ยวกันดูสักครั้ง ซึ่งเราก็จะพาคุณไปชมกันว่าสนามกีฬาแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรและมีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง

ประวัติความเป็นมาของ Luzhniki Stadium

          สนามกีฬา Luzhniki Stadium ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1955 – 1956 และได้มีการปรับปรุงต่อเติมอยู่เสมอ จึงทำให้สนามกีฬามีความทันสมัยและพร้อมสำหรับใช้รองรับการแข่งขันกีฬาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการแข่งขันฟุตบอลโลกและฟุตบอลโอลิมปิก ซึ่งก็ได้มีการนำเอาสถาปัตยกรรมร่วมสมัยมาออกแบบตกแต่งเข้าไปอย่างลงตัว จึงทำให้สนามฟุตบอลแห่งนี้ยังคงมีความโดดเด่น สวยงามอยู่เสมอ ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยก็ตาม

จุดเด่นที่น่าสนใจ

          สำหรับจุดเด่นของสนามกีฬา Luzhniki Stadium ที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างพากันมาเที่ยวชม และชื่นชอบการมาชมการแข่งขันถึงขอบสนามมากที่สุดก็มีดังนี้

  • การตกแต่งอาคารด้วยภาพกราฟฟิกนักกีฬา ซึ่งเป็นการนำศิลปะมาใช้กับการตกแต่งได้อย่างกลมกลืน และดูสวยงามสะดุดตา
  • มีขนาดกว้างใหญ่ สามารถบรรจุผู้ชมได้มากถึง 81,000 ที่นั่ง และด้วยการออกแบบที่ได้มาตรฐาน จึงไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด และสามารถชมการแข่งขันได้อย่างชัดเจนอีกด้วย ไม่ว่าจะนั่งอยู่ตรงมุมไหนของอัฒจรรย์ก็ตาม
  • โครงสร้างหลังคาที่ปกคลุมพื้นที่รอบสนามได้ดี บวกกับเป็นหลังคากระจก จึงทำให้แสงธรรมชาติสามารถส่องได้ทั่วถึงทั้งสนามกีฬา จึงช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี ทั้งยังได้มุมมองที่ทำให้การชมการแข่งขันฟุตบอลมีความสนุกและน่าตื่นเต้นมากขึ้นอีกด้วย
  • ภายในอาคารมีการออกแบบเป็นห้องพัก ห้องรับรองต่างๆ รวมถึงห้องสำหรับผู้สื่อข่าว ซึ่งในช่วงที่ไม่มีการแข่งขันก็จะเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมได้ โดยจะมีไกด์ทำหน้าที่พาคุณไปชมห้องต่าง ๆ และรอบสนามแข่งขัน

ต้องทำอย่างไรบ้าง เมื่อไปเที่ยว Luzhniki Stadium

หากคุณต้องการมาเที่ยวที่สนามกีฬา Luzhniki Stadium ในช่วงวันธรรมดาที่ไม่มีการแข่งขัน ก็สามารถมาชมได้ตลอดทุกวันกันเลย โดยจะต้องมาซื้อบัตรสำหรับเข้าชมสถานที่ก่อน จากนั้นจะมีไกด์นำพาคุณไปชมทั่วทั้งบริเวณสนามแข่งและห้องต่าง ๆ ภายในอาคาร ซึ่งก็รับรองเลยว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ทั้งนี้ก่อนเข้าชมก็อย่าลืมอ่านกฎระเบียบก่อนด้วย

          ต้องบอกเลยว่าเป็นสนามกีฬาที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าสนามกีฬาแห่งไหนเลยทีเดียว ซึ่งใครที่สะดวกก็ลองแวะมาเที่ยวชมสนามกีฬา Luzhniki Stadium กันดู หรือจะมาในช่วงที่มีการแข่งขันเพื่อชมการแข่งกีฬาแบบชิดขอบสนามก็ได้ โดยตั้งอยู่ที่เมือง Moscow ประเทศรัสเซียนั่นเอง นอกจากนี้ในเมืองใกล้ ๆ กัน ก็ยังมีสนามกีฬาอีกหลายแห่ง ที่อยากแนะนำให้คุณลองไปสัมผัสกันดู เอาเป็นว่าเมื่อคุณคิดจะมาเที่ยวที่นี่ก็ลิสต์รายชื่อสนามกีฬาใกล้ ๆ ไว้หลาย ๆ แห่ง จะได้เที่ยวทีเดียวให้คุ้มค่าไปเลยนั่นเอง

อยากไปดูบอลในต่างประเทศ ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

เมื่อเข้าถึงช่วงฤดูกาลแข่งขันฟุตบอล หลายคนก็คงอยากจะไปชมการแข่งขันแบบใกล้ชิดถึงสนามแข่งดูสักครั้ง โดยเฉพาะเมื่อมีการจัดการแข่งขันในต่างประเทศ เพราะนอกจากจะได้ไปดูบอลแล้วยังเป็นการไปเที่ยวพักผ่อนอีกด้วย โดยวันนี้เราก็มีวิธีการเตรียมตัวสำหรับคนที่จะไปดูบอลต่างประเทศมาฝากกัน เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหานั่นเอง ไปดูกันเลยว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

1.ตรวจสอบวันเวลาแข่ง

          คุณคงไม่อยากเดินทางไปเสียเที่ยวเพราะจำวันเวลาผิดหรอกจริงไหม ดังนั้นอันดับแรกก็ต้องตรวจสอบวันและเวลาให้เรียบร้อยก่อน และกำหนดวันเดินทางให้ไปถึงล่วงหน้าสักประมาณ 2-3 วัน เพื่อที่คุณจะได้พักผ่อนให้เต็มที่ก่อนไปสนุกกับการเชียร์บอลนั่นเอง

2.ซื้อบัตรเข้าชมล่วงหน้า

          เมื่อไปชมการแข่งขันฟุตบอลในต่างประเทศ คุณจะต้องซื้อบัตรเข้าชมด้วย ซึ่งหากช้า บัตรหมด ก็จะพลาดโอกาสดีๆ ไปได้ ดังนั้นเมื่อตั้งเป้าหมายไว้แน่ชัดแล้วว่าคุณจะไปดูบอลแน่นอน ก็ควรซื้อบัตรเข้าชมไว้ก่อน อย่างน้อยก็สบายใจได้เลยว่าคุณจะไม่เสียเปล่าจากการเดินทางไปชมถึงสนามแข่งในครั้งนี้

3.เอกสารต้องครบ

          การจะเดินทางไปต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะบางประเทศที่มีการตรวจคนเข้าเมืองแบบเข้มงวดมาก ดังนั้นก่อนเดินทางก็ต้องเตรียมเอกสารให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชน พาสปอร์ต วีซ่า หรือเอกสารสำคัญอะไรที่ต้องใช้ก็ตาม ทีนี้เมื่อเอกสารครบถ้วนดีแล้วก็เตรียมบินลัดฟ้าไปดูบอลอย่างสบายใจได้เลย

4.เตรียมค่าใช้จ่ายให้พร้อม

          จะไปเที่ยวไกลถึงต่างประเทศทั้งที ก็ต้องมีเงินในกระเป๋ามากพอที่จะทำให้คุณเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างไม่ต้องกังวล ซึ่งคุณจะต้องคำนวณดูก่อนว่าจะมีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายประจำวันระหว่างอยู่ต่างประเทศ และเงินสำรองยามฉุกเฉินนั่นเอง ทั้งนี้หากมีการจองที่พักและจองตั๋วเครื่องบินไว้ล่วงหน้าด้วยก็จะดีมาก

5.เตรียมของใช้ส่วนตัว สิ่งของจิปาถะต่าง ๆ

          และที่จะมองข้ามไม่ได้เลยก็คือของใช้ส่วนตัวและสิ่งของจิปาถะ อย่างเช่น กล้องถ่ายรูป ทั้งนี้ควรเตรียมไปให้พร้อมดีกว่า เพราะหากไปซื้อใหม่ที่โน่นเลยอาจมีราคาแพงมาก โดยเฉพาะพวกเสื้อผ้า นอกจากนี้ก็ควรเตรียมยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาพาราแก้ปวด ยาดม ยาหม่องไปด้วย เผื่อจำเป็นต้องใช้ระหว่างเดินทางนั่นเอง

          เมื่อคิดจะไปดูบอลต่างประเทศ ก็แค่เตรียมตัวให้พร้อมตามคำแนะนำเหล่านี้ แล้วคุณจะเดินทางไปดูการแข่งขันฟุตบอลคู่โปรดได้อย่างสบายใจโดยไม่มีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน และนอกจากการเตรียมตัวดังที่กล่าวมาแล้ว ก็ต้องรู้จักเซฟความปลอดภัยให้กับตัวเองด้วย เพราะท่ามกลางผู้คนที่เยอะมากอาจทำให้คุณทำของมีค่าตกหล่นหายไปโดยไม่รู้ตัว หรือถูกล้วงกระเป๋าได้ง่าย ดังนั้นอย่าเชียร์บอลจนลืมตัวเด็ดขาด และควรชวนเพื่อนไปด้วยกันสัก 2-3 คน อย่างน้อยมีเพื่อนเดินทางไปด้วยก็สนุกและอุ่นใจมากกว่าไปคนเดียวแน่นอน

จุดเด่นของ Allianz arena สนามฟุตบอลที่ใครก็อยากมาชมสักครั้ง

Allianz arena สนามฟุตบอลขนาดใหญ่ในเมืองมิวนิคที่ใครก็อยากลองมาเที่ยวกันดูสักครั้ง ซึ่งแฟนบอลทั้งหลายก็คงจะคุ้นเคยกับชื่อสนามฟุตบอลแห่งนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีการใช้แข่งขันฟุตบอลบ่อยๆ และยังมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์จนทำให้ใครๆ ก็จดจำสนามกีฬาแห่งนี้ได้อย่างขึ้นใจกันเลยทีเดียว โดย Allianz arena จะมีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างไรบ้างก็ต้องมาดูกันเลย

Allianz arena สนามกีฬาเปลี่ยนสีได้

          สำหรับความโดดเด่นของสนามฟุตบอลแห่งนี้ก็อยู่ที่การเปลี่ยนสีได้นั่นเอง โดยจะมี 3 สีคือสีแดง สีน้ำเงินและสีขาว ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อทีมบาเยิร์น มิวนิค กำลังลงแข่ง เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน เมื่อมีการแข่งขันของทีม 1860 มิวนิค และเปลี่ยนเป็นสีขาวสำหรับทีมชาติเยอรมัน ซึ่งแฟนบอลทั้งหลายจะรู้ได้ทันทีว่าทีมไหนกำลังแข่งขันอยู่ โดยดูจากสีของสนามกีฬานั่นเอง

ชมประวัติและถ้วยรางวัลที่ Museum

          Allianz arena ไม่ได้เป็นเพียงแค่สนามแข่งขันกีฬาเท่านั้น แต่ยังมี Museum ที่จัดแสดงประวัติและถ้วยรางวัลให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมกันอีกด้วย โดยมีตั้งแต่ประวัติการก่อตั้งสนามฟุตบอลขึ้นมาเลยทีเดียว ใครที่อยากรู้ประวัติอย่างครบถ้วนและชมถ้วยรางวัลกันแบบใกล้ชิดก็ต้องลองมาเที่ยวที่นี่กันเลย โดยเปิดให้เข้าชมได้ทุกวันยกเว้นวันที่มีการแข่งขันเท่านั้น

สัมผัสบรรยากาศในห้องแต่งตัวนักเตะ

          ถือเป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยวที่สนามกีฬา Allianz arena ที่โดนใจเหล่าแฟนบอลมากทีเดียว เพราะคุณจะได้ขึ้นไปชมบรรยากาศในห้องแต่งตัวนักเตะ รวมถึงห้องอาบน้ำ สปา และฟิตเนสอีกด้วย ซึ่งก็น่าตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว ทั้งยังได้ทำกิจกรรมเดินลงบันไดพร้อมเพลงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเหมือนกับนักเตะก่อนการแข่งขันอีกด้วย ทั้งนี้ก็ต้องบอกเลยว่าคุ้มค่ากับค่าบัตรเข้าชมมากทีเดียว

FANSHOP ช้อปกระจาย

          หลังจากเที่ยวชมกันจนเพลิดเพลินแล้ว ก่อนกลับก็จะพลาดไม่ได้เลยกับการแวะมาที่โซน FAN-SHOP ซึ่งมีสินค้าที่ระลึกมากมาย โดยเฉพาะเสื้อฟุตบอล ใครอยากได้ของที่ระลึกหรือของฝากคนทางบ้านก็มาเลือกซื้อกันได้ รับรองว่าได้ช้อปกันแบบกระจายแน่นอน

เที่ยวสนุก ไม่ต้องกลัวลงด้วยไกด์นำเที่ยว

          สำหรับใครที่กังวลว่าจะหลงหรือเปล่า ก็หมดกังวลไปได้เลย เพราะที่นี่มีไกด์นำเที่ยวพร้อม ซึ่งจะพาคุณไปเที่ยวชมทุกโซนของสนามฟุตบอลกันอย่างจุใจ พร้อมด้วยคำแนะนำดี ๆ ทั้งนี้อยากรู้อะไรก็สอบถามจากไกด์ได้เลย

          ต้องบอกเลยว่าสนามฟุตบอล Allianz arena ในเมืองมิวนิคมีอะไรน่าสนใจมากกว่าที่คิดจริง ๆ ซึ่งใครที่เป็นแฟนบอลพันธุ์แท้ก็จะพลาดไม่ได้เลยที่จะแวะมาเที่ยวที่สนามฟุตบอลแห่งนี้ โดยจะมีการขายบัตรเข้าชม 2 ประเภท คือประเภทที่ชมได้เฉพาะในส่วนของ museum เท่านั้น และประเภทที่เข้าชมสนามรวมถึงห้องพักนักเตะได้ด้วย ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไป แต่ทั้งนี้เมื่อมาเที่ยวทั้งทีก็ควรเข้าชมให้ครบทุกโซนเลยจะดีกว่า

6 เรื่องควรรู้ เมื่อเดินทางท่องเที่ยวด้วยเครื่องบินเป็นครั้งแรก

ทุกวันนี้การเดินทางด้วยเครื่องบินได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมีความรวดเร็วทันใจ โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ แต่สำหรับใครที่พึ่งขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรก ก็ต้องมาทำความเข้าใจกับ 6 เรื่องเหล่านี้กันก่อน เพื่อให้การเดินทางครั้งนี้ของคุณมีความราบรื่นตลอดการเดินทางนั่นเอง

1.มาให้ทันเวลาเช็คอิน

การเดินทางโดยเครื่องบิน ไม่เหมือนกับการเดินทางด้วยรถโดยสารทั่วไปที่จะมาถึงก่อนรถออกสัก 10 นาทีก็ได้ เพราะทางสายการบินจะปิดให้เช็คอินตั้งแต่ 45 นาทีก่อนเครื่องออก ซึ่งหากคุณมาช้าก็จะทำให้ต้องพลาดเที่ยวบินไปอย่างน่าเสียดาย เพราะฉะนั้นควรเช็คเวลาเครื่องออกให้ดี และต้องมาถึงสนามบินก่อนเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงกันเลย

2.กระเป๋าต้องมีน้ำหนักไม่เกินที่กำหนด

สำหรับกระเป๋าเดินทางที่จะโหลดขึ้นเครื่องบินนั้น จะต้องมีน้ำหนักไม่เกินจากที่สายการบินกำหนด โดยส่วนมากจะไม่ให้เกิน 7 กิโลกรัม และต้องไม่มีวัตถุต้องห้ามอย่างเด็ดขาด ซึ่งทางสายการบินจะตรวจสอบอย่างเข้มงวด ดังนั้นต้องเช็คให้ดีว่ากระเป๋าเดินทางมีน้ำหนักเกินหรือไม่และห้ามนำของต้องห้ามใส่มาด้วยเด็ดขาด จะได้ไม่ต้องเสียเวลากับการตรวจสอบของสายการบินนั่นเอง

3.ห้ามใช้โทรศัพท์เมื่อเครื่องบินแล่นขึ้นลง

เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำตามกันอย่างเคร่งครัดเมื่อเดินทางด้วยเครื่องบิน เพราะขณะที่เครื่องบินกำลังแล่นขึ้นหรือแล่นลงสู่สนามบินนั้น สัญญาณโทรศัพท์อาจไปรบกวนระบบนำทางของเครื่องบินได้ รวมถึงรบกวนระบบการสื่อสารด้วย ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกได้ง่าย ดังนั้นห้ามใช้โทรศัพท์อย่างเด็ดขาดจนกว่าเครื่องบินจะพ้นระยะอันตราย รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ก็ห้ามเช่นกัน

4.ควรคาดเข็มขัดตลอดเวลา

ขณะที่อยู่บนเครื่องบินคุณจะต้องคาดเข็มขัดตลอดเวลา เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง เพราะเครื่องบินอาจมีการสั่นสะเทือนทำให้ทรงตัวได้ยากซึ่งอาจเกิดอันตรายได้ ดังนั้นการคาดเข็มขัดจึงเป็นตัวช่วยเซฟความปลอดภัยให้กับคุณได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นไม่ควรละเลยอย่างเด็ดขาด

5.แต่งตัวให้เรียบง่ายที่สุด

การเดินทางด้วยเครื่องบิน เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบอย่างเคร่งครัด ซึ่งคุณจะต้องผ่านเครื่องสแกนก่อนจะขึ้นเครื่องบินได้ โดยขั้นตอนนี้จะต้องถอดเครื่องประดับที่ติดตัวมาออกหมด รวมถึงรองเท้า ผ้าพันคอด้วย ซึ่งหากคุณใส่มาแบบจัดเต็มก็จะต้องมายุ่งยากและเสียเวลากับการถอดนั่นเอง เพราะฉะนั้นแต่งตัวให้เรียบง่ายไว้ก่อนจะดีกว่า

6.เตรียมเอกสารให้พร้อม

ก่อนขึ้นเครื่องบินจะต้องมีการตรวจสอบหลายขั้นตอน ซึ่งคุณจะต้องใช้เอกสารบ่อยมาก ดังนั้นควรเตรียมให้พร้อมและใส่ไว้ในจุดที่หยิบออกมาใช้งานได้ง่าย โดยเอกสารที่สำคัญเลยก็คือบัตรประชาชน หนังสือเดินทาง และบอร์ดดิ้งพาส

เมื่อเข้าใจกับ 6 เรื่องนี้กันแล้ว ก็เตรียมพร้อมเดินทางท่องเที่ยวด้วยเครื่องบินกันได้เลย และอย่าลืมเช็คข้าวของเครื่องใช้ให้พร้อมก่อนเดินทางกันด้วย จะได้ไม่มีปัญหาเมื่อถึงเวลาออกเดินทางนั่นเอง ที่สำคัญควรทำตามกฎกติกาของสายการบินอย่างเคร่งครัด แล้วการเดินทางของคุณจะเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัยแน่นอน

6 เรื่องต้องรู้ ก่อนทำพาสปอร์ตไปเที่ยวต่างประเทศ

เมื่อจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ อันดับแรกก็ต้องทำพาสปอร์ตให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งวันนี้เราก็มี 6 เรื่องที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการทำพาสปอร์ตมาบอกกัน ไปดูกันเลยว่ามีเรื่องอะไรบ้าง

1.พาสปอร์ตมี 3 ประเภท

พาสปอร์ตมีทั้งหมด 3 ประเภทหลักๆ ซึ่งคุณจะต้องทำพาสปอร์ตให้ตรงตามจุดประสงค์ที่ต้องการ โดยหากต้องการทำพาสปอร์ตเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยว ก็ต้องทำประเภทสำหรับการเดินทางทั่วไป ที่มีไว้สำหรับท่องเที่ยวในต่างประเทศโดยเฉพาะ

2.พาสปอร์ตมีอายุ

การทำพาสปอร์ตไม่ใช่ว่าทำครั้งเดียวเที่ยวได้ตลอดชีพ เพราะพาสปอร์ตก็มีวันหมดอายุเหมือนกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณ 5 ปี ดังนั้นหากพาสปอร์ตของคุณใกล้หมดอายุแล้ว ก็ควรไปต่ออายุทันทีเพื่อให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องนั่นเอง โดยจะเสียค่าธรรมเนียมในการต่ออายุพาสปอร์ตประมาณ 1,000 บาท

3.เอกสารที่ต้องใช้

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาในการไปทำพาสปอร์ต คุณจะต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบและอนุมัติการทำพาสปอร์ตได้ทันที โดยเอกสารที่ต้องใช้ก็มีดังนี้

  • บัตรประจำตัวประชาชน
  • หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ (ถ้ามี)
  • หลักฐานการเปลี่ยนที่อยู่ (ถ้ามี)

ซึ่งจะเห็นได้ว่าการทำพาสปอร์ตนั้นไม่ยากเลย แต่สำหรับใครที่อายุยังไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ จะต้องมีการรับรองจากพ่อแม่ด้วย ดังนั้นเอกสารที่ต้องใช้จึงมีดังนี้

  • บัตรประจำตัวประชาชน (ของตัวเอง พ่อ และแม่)
  • พ่อและแม่ต้องมาเซ็นยินยอมต่อเจ้าหน้าที่ด้วย

4.วิธีรับหนังสือเดินทาง

เมื่อยื่นเรื่องทำพาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทางเรียบร้อยแล้ว คุณจะสามารถเลือกวิธีรับหนังสือเดินทางได้ 2 วิธีด้วยกัน นั่นคือการรับผ่านทางไปรษณีย์และการมารับด้วยตนเอง แต่จะรับด้วยตนเองได้เฉพาะผู้ที่ยื่นคำร้องทำหนังสือเดินทางที่กรุงเทพฯ เท่านั้น นอกจากนี้หากใครไม่สะดวกก็สามารถมอบอำนาจให้คนอื่นไปรับแทนได้อีกด้วย

5.ทำพาสปอร์ตเร่งด่วนได้

การทำพาสปอร์ตโดยปกติจะต้องรอประมาณ 3-5 วัน แต่อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่จำเป็นต้องใช้พาสปอร์ตอย่างเร่งด่วน ก็มีบริการทำพาสปอร์ตแบบด่วนที่สุด โดยจะมีทั้งแบบได้รับเล่มเลยในวันที่ทำ และแบบได้รับเล่มในวันถัดไป ซึ่งหากต้องการรับเล่มเลยจะต้องทำที่กรมการกงสุลเท่านั้น และมีค่าธรรมเนียม 3000 บาท

6.ต้องพกพาสปอร์ตเมื่อเดินทางเสมอ

หลังจากทำพาสปอร์ตแล้ว คุณจะต้องพกติดตัวเมื่อเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเสมอ ทั้งนี้ควรถ่ายสำเนาแยกเก็บเอาไว้ด้วย เพราะหากหนังสือเดินทางฉบับจริงหายก็ยังมีสำเนาไว้ยืนยันได้นั่นเอง และหากทำหนังสือเดินทางหาย คุณจะต้องทำตามขั้นตอนดังนี้

  • แจ้งความที่สถานีตำรวจ
  • ทำเล่มใหม่ โดยใช้ใบแจ้งความกับบัตรประชาชนยื่นคำร้อง
  • แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าเล่มเก่าหาย

พาสปอร์ตถือเป็นสิ่งสำคัญที่นักเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศจะต้องมี ดังนั้นหากคุณยังไม่มีพาสปอร์ตก็ควรรีบไปทำโดยด่วน ส่วนใครที่หนังสือเดินทางใกล้หมดอายุแล้ว ก็ควรไปต่ออายุให้เรียบร้อยโดยควรต่อทันทีเมื่อพาสปอร์ตมีอายุต่ำกว่า 6 เดือนนั่นเอง

พาไปทัวร์สงขลา กับ 6 แหล่งท่องเที่ยวสุดฟิน

วันหยุดนี้ใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวสุดฟิน เราลองไปล่องดินแดนทางใต้กันบ้างดีไหม กับ 6 สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตในจังหวัดสงขลา ที่จะพาคุณไปสัมผัสกับประสบการณ์สุดสนุกอย่างไม่มีเบื่อ ซึ่งจะมีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งไหนบ้างก็ต้องไปดูกันเลย

1.น้ำตกโตนงาช้าง

ร้อนๆ แบบนี้ต้องไปเที่ยวคลายร้อนที่น้ำตกกันก่อนเลย โดยน้ำตกโตนงาช้าง ถือเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก และมีมากถึง 7 ชั้น แถมบริเวณรอบๆ ก็ห้อมล้อมไปด้วยป่าไม้ธรรมชาติที่ให้ความร่มรื่น เย็นสบายได้เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากทางเดินขึ้นน้ำตกมีความชันพอสมควร ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังให้ดีด้วย

2.สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำสงขลา

สถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการพาลูกไปเที่ยวเล่นมากที่สุด เพราะที่นี่มีสัตว์น้ำมากมายหลายสายพันธุ์ให้คุณได้ชมกันอย่างตื่นตาตื่นใจ ทั้งยังมีกิจกรรมแสดงโชว์การให้อาหารปลาที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครอีกด้วย และนอกจากการชมสัตว์น้ำแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมการขับรถเอทีวีและการขับรถโกคาร์ทที่จะทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะลืมไม่ลงเลยทีเดียว

3.หาดสมิหลา

หาดสมิหลา ต้องบอกเลยว่าเป็นแลนด์มาร์คของจังหวัดสงขลาเลยทีเดียว ซึ่งใครมาเที่ยวสงขลาและไม่ได้แวะมาที่นี่ก็ถือว่าพลาดมาก เพราะหาดสมิหลามีหาดทรายที่ขาวละเอียดแตกต่างจากชายหาดทั่วไป น้ำทะเลเป็นสีฟ้าครามสดใส และยังมีรูปปั้นนางเงือกที่เป็นสัญลักษณ์ของชายหาดแห่งนี้อีกด้วย หรือใครที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมกลางน้ำ ที่นี่ก็มีกิจกรรมสนุกๆ อย่างการแล่นเรือใบ และเล่นบานานาโบ๊ทให้คุณได้ลองเล่นเช่นกัน

4.เขาตังกวน

เขาตังกวน จุดชมวิวสวยที่นักท่องเที่ยวจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบเมืองสงขลาได้อย่างชัดเจนที่สุด ซึ่งใครที่ตั้งใจจะมาถ่ายรูปวิวสวยๆ ก็ต้องมาเที่ยวที่เขาตังกวนกันเลย แต่ก็อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินขึ้นเขากันด้วย เพื่อจะได้เดินไปถึงยอดเขาได้โดยไม่มีปัญหานั่นเอง

5.ย่านเมืองเก่าสงขลา

ลองไปสัมผัสกับเสน่ห์เมืองเก่าแก่ของสงขลากันบ้าง โดยที่นี่จะเป็นย่านเมืองเก่าที่ยังคงมีบ้านเรือนแบบดั้งเดิมให้ได้ชมกัน ซึ่งหาชมได้ยากมากทีเดียว โดยใครที่ได้ลองมาเที่ยวที่นี่กันแล้วก็อย่าลืมถ่ายรูปกลับไปเก็บไว้เป็นภาพความทรงจำดีๆ กันด้วย

6.เกาะยอ

เกาะยอเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลา ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่น่าหลงใหล โดยที่นี่คุณจะได้สนุกกับการล่องเรือประมงในทะเลสาบ และได้ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ รวมถึงการทอผ้าพื้นเมืองที่มีให้ชมเฉพาะที่เกาะยอเท่านั้น เพราะฉะนั้นห้ามพลาด

จังหวัดสงขลา ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ซึ่งหากคุณกำลังมองหาที่เที่ยวโดนใจอยู่ล่ะก็ ลองมาเที่ยวตามสถานที่เหล่านี้กันดูแล้วคุณจะต้องชอบอย่างแน่นอน

กิจกรรมสุดสนุกบนเกาะพงัน ที่มาแล้วห้ามพลาด

ไปเที่ยวเกาะพงันไปทำอะไรดี วันนี้เรามีกิจกรรมสุดสนุกบนเกาะพงันที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเด็ดขาดมาแนะนำกัน โดยแต่ละกิจกรรมนั้นต้องบอกเลยว่าเด็ดจริง แล้วคุณจะได้รับประสบการณ์และความทรงจำดีๆ จากการมาเที่ยวครั้งนี้อย่างแน่นอน

1.ดำน้ำตื้น

ใครที่ชอบการดำน้ำดูปะการัง มาเที่ยวเกาะพงันไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะมีจุดดำน้ำตื้นอยู่ที่แม่หาด เป็นจุดที่ปะการังสวยมากจึงมีนักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำกันเป็นประจำ ทั้งนี้หากใครไม่ได้เตรียมอุปกรณ์สำหรับดำน้ำมา ก็สามารถมาเช่าจากรีสอร์ทใกล้ๆ กับแม่หาดได้อีกด้วย

2.พายเรือคายัค

สัมผัสกับประสบการณ์สุดเร้าใจกับการพายเรือคายัคชมรอบเกาะพงัน ซึ่งที่นี่ก็มีบริการให้เช่าเรือคายัคหลายจุด และได้มีการตรวจเช็คอย่างดีก่อนนำเรือมาให้นักท่องเที่ยวเช่า จึงหมดกังวลเรื่องความปลอดภัยไปได้เลย

3.ปีนเขาลา

มาถึงเกาะพงันทั้งทีก็จะพลาดไม่ได้เลยกับการปีนเขาลา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสุดสนุกที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะไม่พลาด เพราะเมื่อปีนขึ้นไปถึงยอดเขา คุณจะสามารถมองเห็นวิวทะเลรอบเกาะพงันได้อย่างสวยงามที่สุด โดยจะต้องใช้เวลาในการปีนประมาณ 2 ชั่วโมง ดังนั้นถ้าจะปีนเขาก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมกันด้วย

4.ชมพระอาทิตย์ตก

ถือเป็นไฮไลท์เด็ดของเกาะพงันเลยทีเดียว กับการชมพระอาทิตย์ตกในยามเย็น ซึ่งก็มีความงดงามไม่เหมือนที่ไหนๆ เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบการชมพระอาทิตย์ตกท่ามกลางบรรยากาศสุดชิล ก็ต้องลองมาชมที่เกาะพงันกันดู แล้วคุณจะพบว่าสวยงามมากแค่ไหน

5.คลายร้อนที่น้ำตก

บนเกาะพงันมีน้ำตกที่สวยมาก โดยหากคุณต้องการเปลี่ยนบรรยากาศจากการเล่นน้ำทะเลหรือว่ายน้ำในสระที่รีสอร์ท ก็สามารถมาเล่นน้ำคลายร้อนที่น้ำตกกันได้ ซึ่งนอกจากจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิดแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวผิวเสียเหมือนการเล่นน้ำทะเลท่ามกลางแสงแดดจ้าอีกด้วย

6.อิ่มอร่อยกับอาหารทะเล

ที่นี่คุณจะได้กินอาหารทะเลที่สดจริงและที่สำคัญอร่อยมาก เพราะร้านอาหารทะเลบนเกาะพงันล้วนมีเชฟฝีมือดีทั้งสิ้น ทั้งยังมีเมนูซีฟู้ดให้เลือกหลายเมนู ซึ่งใครที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำกิจกรรมต่างๆ มา ก็ลองแวะมาชิมอาหารทะเลรสเด็ดกันดู รับรองว่าติดใจจนต้องสั่งเพิ่มแน่นอน

7.สำรวจอุทยาน

อีกหนึ่งกิจกรรมบนเกาะพงันที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือการไปสำรวจอุทยานอ่างทองนั่นเอง ซึ่งก็เป็นอุทยานที่มีความเก่าแก่และมีการออกแบบได้สวยงามตระการตา ควรค่าแก่การมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ก็รับรองเลยว่าจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง

มีแต่กิจกรรมที่น่าสนใจทั้งนั้นเลยใช่ไหม เพราะฉะนั้นเมื่อมาเที่ยวเกาะพงันก็อย่าพลาดที่จะไปทำกิจกรรมเหล่านี้ให้ครบถ้วนกันด้วย และการมาเที่ยวเกาะพงันครั้งนี้จะไม่เสียเที่ยวแน่นอน

6 จุดเช็คอิน ร้านอาหารสุราษฎร์ธานี อร่อยจริงต้องลอง

เหล่านักชิมทั้งหลายที่กำลังตามหาร้านอาหารสุดอร่อยทั่วไทย วันนี้เราจะมาแนะนำ 6 ร้านอาหารรสเด็ดในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ต้องบอกเลยว่าอร่อยจริงจนแทบวางช้อนไม่ลงกันเลยทีเดียว ซึ่งจะอร่อยมากแค่ไหนนั้นก็ต้องไปชิมด้วยตัวเองกันดู

1.บางปอซีฟู้ด ตาโข

เอาใจบรรดาคนที่ชื่นชอบการกินอาหารทะเลกันก่อนเลย กับร้านบางปอซีฟู้ด ที่มีอาหารทะเลรสจัดจ้านให้ลองชิมกันหลากหลายเมนู โดยเฉพาะแกงส้มไข่ปลาและหมึกผัดกะทิ ซึ่งถือเป็นเมนูเด็ดของร้านนี้กันเลยทีเดียว แถมบรรยากาศภายในร้านก็มีความเงียบสงบ เย็นสบาย ที่จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขตลอดการกินอาหารที่ร้านนี้เลยล่ะ

2.ร้านอาหารกำปั่น

ได้ลองมาชิมแล้วจะติดใจ โดยร้านอาหารกำปั่นก็เป็นร้านอาหารชื่อดังของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่มักจะมีนักท่องเที่ยวแวะมาชิมกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเมนูเด็ดของร้านนี้ก็คือ ห่อหมกมะพร้าวอ่อนและกุ้งผัดกะปิ โดยแต่ละเมนูนั้นก็ล้วนมีความจัดจ้านและอร่อยจนต้องสั่งเพิ่มกันเลยทีเดียว เอาเป็นว่าลองแวะมาชิมกันดู

3.สวนอาหารบ้านลุงมูล

สำหรับใครที่ชื่นชอบบรรยากาศการทานอาหารท่ามกลางธรรมชาติ สวนอาหารบ้านลุงมูลก็เป็นร้านอาหารที่น่าสนใจมากทีเดียว เพราะห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้ธรรมชาติมากมาย มีซุ้มไม้สำหรับคนที่อยากสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด แถมอาหารก็อร่อยเด็ดไม่แพ้ที่ไหนกันเลย โดยเฉพาะเมนูขาหมูบ้านลุงมูลและปลาบู่นึ่งซีอิ๊ว ที่หากใครไม่ลองถือว่าพลาดมาก

4.ภัตตาคารลัคกี้

ใครที่ชอบบรรยากาศแบบหรูหรา ก็มีร้านอาหารสุดหรูเช่นกัน นั่นคือ ภัตตาคารลัคกี้นั่นเอง โดยเป็นร้านอาหารไทย-จีน ที่มีการตกแต่งสไตล์เรียบหรูดูมีระดับ ที่สำคัญราคาเป็นกันเองมาก ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าไม่แพงเลยทีเดียว สำหรับเมนูเด็ดประจำร้านที่ต้องลองก็ได้แก่ ปลาทอดขมิ้น หมูคั่วเกลือและแกงส้มรสเด็ด การันตีความอร่อยที่จะทำให้คุณลืมไม่ลง

5.เคียงเล ซีฟู้ด

อีกหนึ่งร้านอาหารซีฟู้ดในสุราษฎร์ธานีที่ต้องบอกเลยว่าจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด ซึ่งอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ได้แก่ แกงส้มปลากะพงยอดมะพร้าว หมึกนึ่งมะนาวและส้มตำปูม้า โดยมีรสชาติอร่อยแซ่บมาก แถมบรรยากาศภายในร้านก็ดีมากเพราะตั้งอยู่ริมน้ำ จึงมีความเย็นสบายตลอดทั้งวัน ทั้งนี้จะอร่อยมากแค่ไหนก็คงต้องแวะมาชิมกันดูแล้ว

6.เกี๊ยวปลา

เกี๊ยวปลาสุดอร่อย ที่หากได้ลองมาชิมดูสักครั้งแล้วจะติดใจ เพราะเกี๊ยวปลาของที่นี่ไม่มีกลิ่นคาวเลย ประกอบกับน้ำซุปที่หวานละมุนด้วยแล้วจึงยิ่งมีความอร่อยกลมกล่อมมากขึ้นไปอีก ที่สำคัญให้ปริมาณเยอะมาก รับรองว่าอิ่มตลอดวันกันเลยทีเดียว

และนี่ก็คือ 6 ร้านอาหารสุดอร่อยในจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ต้องลองแวะไปชิมดูสักครั้ง ซึ่งก็ขอการันตีความอร่อยกันเลย แถมราคาไม่แพงอีกด้วย เพราะฉะนั้นห้ามพลาดเลยเชียว

รวม 6 ที่เที่ยวญี่ปุ่น ที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาชม

ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่หลายคนอยากจะไปเที่ยวกันดูสักครั้ง ซึ่งหากใครมีโอกาสได้ไปแต่ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนดี วันนี้เราก็มีสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตในญี่ปุ่นมาแนะนำเช่นกัน รับรองว่าจะต้องโดนใจคุณอย่างแน่นอน ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีสถานที่เที่ยวแห่งไหนกันบ้าง

1.โตเกียว ดิสนีย์แลนด์

โตเกียว ดิสนีย์แลนด์ สถานที่ท่องเที่ยวที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ต่างนิยมพากันจูงมือลูกหลานไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก เพราะที่นี่เป็นดั่งดินแดนในฝันของเด็กๆ กันเลยทีเดียว ซึ่งก็มีทั้งเครื่องเล่นสุดสนุกมากมาย ตัวการ์ตูนดิสนีย์ และการแสดงโชว์สุดตระการตา ที่หาชมได้ที่นี่เพียงที่เดียวเท่านั้น

2.พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชุราอูมิ

พลาดไม่ได้เลยเมื่อมาเที่ยวญี่ปุ่น เพราะพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และมีสัตว์น้ำแปลกตาให้ได้ชมมากมาย ซึ่งใครที่ชมสัตว์น้ำในไทยจนชินตาแล้ว ก็ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปชมสัตว์น้ำแปลกๆ ที่ญี่ปุ่นกันบ้าง รับรองว่าเร้าใจและน่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว

3.ตึกอูเมดะสกาย

แลนด์มาร์คของญี่ปุ่น ที่หากไม่แวะมาชมถือว่าพลาดมาก เพราะที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองโอซาก้าได้ทั้งเมือง แถมตึกยังออกแบบด้วยดีไซน์ที่สวยแปลกตา ดูน่าสนใจเป็นที่สุด โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืนที่มีการเปิดไฟทั่วทั้งตึก จึงทำให้ที่นี่ดูสวยงามตระการตาเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าได้บรรยากาศในการชมวิวสุดๆ

4.โตเกียว ทาวเวอร์

เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่เมื่อพูดถึงญี่ปุ่นเมื่อไหร่ก็จะต้องนึกถึงโตเกียว ทาวเวอร์ขึ้นมาในทันที ซึ่งก็มีการสร้างขึ้นมาด้วยสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นโบราณ ใช้สีแดงขาวเป็นเอกลักษณ์ และด้วยขนาดที่สูงมากจึงทำให้มองเห็นโดดเด่นมาแต่ไกลเลยทีเดียว ทั้งนี้ใครที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นก็อย่าลืมแวะไปเที่ยวโตเกียว ทาวเวอร์กันดู

5.ภูเขาฟูจิ

มาเที่ยวญี่ปุ่นทั้งที ก็คงต้องแวะไปเที่ยวที่ภูเขาฟูจิกันหน่อยแล้ว เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นภูเขาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว โดยแนะนำให้นั่งรถไฟสายโทไกโดในการชมภูเขาฟูจิ ซึ่งจะมองเห็นภูเขาฟูจิได้สวยงามตาและชัดเจนเป็นอย่างมาก แต่หากใครอยากจะไปสัมผัสกับภูเขาฟูจิอย่างใกล้ชิดด้วยการปีนขึ้นไปบนยอดเขา ก็ต้องมาเที่ยวในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมเท่านั้น

6.ฮอกไกโด

พลาดไม่ได้เลยกับการไปเล่นสกีที่ฮอกไกโด ซึ่งคุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การเล่นสกีที่ไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน หรือจะมาชมซากุระในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมก็ได้เหมือนกัน โดยเป็นช่วงที่ดอกซากุระกำลังบานสะพรั่งและมีความสวยงามมากที่สุด

ใครที่กำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่น ก็ลองจัดสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ไว้ในลิสต์รายการของคุณกันดู ซึ่งก็รับรองเลยว่าคุณจะได้ประสบการณ์ที่เร้าใจและความทรงจำดีๆ กลับมาอย่างแน่นอน