Seoul World Cup Stadium หนึ่งที่เที่ยวในเกาหลีใต้ที่คุณไม่ควรพลาด

ประเทศเกาหลีใต้ในความคิดของใครหลาย ๆ คนก็จะทำให้นึกถึงการช้อปปิ้งจับจ่ายซื้อเครื่องสำอาง รวมถึงวงการเคป็อปที่นับเป็นหน้าเป็นตาให้กับเกาหลีใต้ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าหากคุณอยากเข้ามาสัมผัสการท่องเที่ยวของเกาหลีใต้ที่มากกว่าความบันเทิงและหลีหนีความอึกทึกครึกโครมจากตัวเมือง เราก็อยากแนะนำให้คุณได้รู้จักกับ Seoul World Cup Stadium รวมถึงสถานที่ใกล้เคียงที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง ซึ่งอาจเป็นอีกเส้นทางการท่องเที่ยวที่คุณสามารถเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจได้ตลอดทั้งวันอย่างไม่รู้จักคำว่าเบื่อ

Seoul World Cup Stadium สนามกีฬายิ่งใหญ่ระดับเอเชีย

Seoul World Cup Stadium หรือชาวท้องถิ่นจะเรียกว่า Sangam Stadium สร้างขึ้นเพื่อในการแข่งขันฟุตบอล FIFA World Cup 2002 เป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของเกาหลีใต้ สามารถจุผู้ชมในสนามได้กว่า 66,000 ที่นั่ง ยังไม่รวมพื้นที่สำหรับห้องส่วนตัวที่มีมากถึง 75 ห้อง สนามถูกออกแบบมาในรูปแบบที่คล้ายว่าวเกาหลีเอกลักษณ์แบบดั้งเดิม ทำให้สนามกีฬาแห่งนี้เป็นสนามรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีความสูงถึง 50 เมตร มีเสากระโดงรองรับ 16 ต้น และครอบคลุม 90 เปอร์เซ็นของพื้นที่ในสนาม โครงสร้างที่หุ้มด้วยผ้าใยแก้วและกระจกโพลีคาร์บอเนตที่สะท้อนเงาได้อย่างงดงาม เป็นเอกลักษณ์คล้ายทำมาจากกระดาษฮันจี ที่เป็นกระดาษเกาหลีแบบดั้งเดิม ยิ่งเมื่อมองดูสนามกีฬาแห่งนี้ในยามค่ำคืน คุณก็จะเห็นแสงไฟสีนวลที่สะท้อนออกมา สร้างความอบอุ่นสายตาราวกับมองโคมไฟโบราณ

สถานที่เที่ยวยอดฮิตใกล้ Seoul World Cup Stadium

นอกจากการไปเยือน Seoul World Cup Stadium ที่คุณจะได้สัมผัสความอลังการของสนามกีฬาระดับเอเชียแล้ว ไม่ไกลจาก Seoul World Cup Stadium ยังเป็นที่ตั้งของ World Cup Park ที่เป็นสวนนิเวศวิทยาที่เกิดขึ้นจากการปรับปรุงพื้นที่ด้วยการฝังกลบขยะจำนวนมหาศาล และพัฒนาเป็นพื้นที่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจนถึงปัจจุบัน เป็นสถานที่พักผ่อนของครอบครัวชาวเกาหลีใต้ รวมถึงนักท่องเที่ยวก็ต่างพากันมาพักผ่อนหย่อนใจ ตลอดจนชื่นชมบรรดาทุ่งดอกไม้ที่สวยงามรอรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยวอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

ภายใน World Cup Park ประกอบไปด้วยสวนสาธารณะห้าแห่งด้วยกัน

  1. Pyeonghwa (Peace) Park หรือ สวนสันติภาพพยองฮวา ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม Seoul World Cup Stadium สร้างเพื่อระลึกถึงการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2020 ที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ชื่อของสวนแห่งนี้ก็สื่อถึงสันติภาพและเอกภาพของโลก ด้านในยังมี UNICEF Plaza, สระน้ำนันจิ, สวนป่า, สนามเด็กเล่นและพิพิธภัณฑ์ World Cup Park
  2. Haneul Park หรือ สวนฮานึล คำว่า ฮานึลในภาษาเกาหลีนั้น แปลว่าท้องฟ้า ซึ่งสวนแห่งนี้ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของ World Cup Park การขึ้นไปยังสวนฮานึลนอกจากมีรถบัสขนาดเล็กให้บริการแล้ว คุณสามารถเดินขึ้นบันได้กว่า 291 ขั้นได้อีกด้วย สวนฮานึลนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่ทำให้คุณมองเห็นวิวทิวทัศน์อันงดงามของกรุงโซลได้อย่างตื่นตาตื่นใจ
  3. Noeul Park หรือ สวนโนอึล เป็นอีกสวนสาธารณะที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่ง ที่นี่คุณจะได้พบกับสัตว์ป่าขนาดเล็ก อย่างเช่น กวาง แรคคูน เป็นต้น ดื่มด่ำกับงานศิลปะ ปติมากรรมบนสนามหญ้า ที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมของชนชาติเกาหลีได้อย่างใกล้ชิด ชื่นชมวิวแม่น้ำฮันและพระอาทิตย์ตกดิน
  4. Nanjicheon Park หรือ สวนนันจิชอน สวนนี้สร้างขึ้นตามลำธารที่ไหลมาจากใต้สวนฮานึล ซึ่งเคยเป็นแหล่งน้ำเสีย แต่ได้รับการปรับปรุงจนเป็นลำธารที่ใสสะอาด ในสวนมีเวทีกลางแจ้งและอุปกรณ์กีฬาเพื่อให้ผู้มาเยือนได้ออกกำลังท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์
  5. Hangang Riverside Park หรือ สวนสาธารณะฮันกัง สวนนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำฮัน เป็นพื้นที่ศึกษาธรรมชาติ ผู้มาเยือนสามารถเล่นฟุตบอล เล่นบาสเกตบอล หรือนั่งเล่นบนสนามหญ้าอย่างสบายใจท่ามกลางสายลมโชยริมแม่น้ำ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ตกหลุมรักประเทศเกาหลีใต้และยังไม่เคยมาเยือน Seoul World Cup Stadium และสวนสวยต่างๆ ใน World Cup Park ที่เราได้แนะนำ คุณก็อย่ารอช้าที่จะให้ที่แห่งนี้อยู่ในแผนการเดินทางของคุณในครั้งหน้า รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวัง เมื่อคุณได้มาเห็นความงดงามด้วยตาของคุณเอง

เครดิตภาพ : https://pixabay.com/fr/photos/stade-de-la-coupe-du-monde-sangam-2923634/

สนามฟุตบอล สวยงามอลังการ ควรค่าแก่การมาเยือน

นอกจากเสียงเชียร์ของผู้ชมที่ตะโกนให้กำลังใจนักฟุตบอลที่ทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ในสนามแล้วนั้น สนามฟุตบอลก็มีส่วนช่วยเพิ่มอารมณ์ของผู้เล่นให้พุ่งทะยานสูงเมื่ออยู่ในสนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้ลงแข่งในสนามกีฬาที่ได้รับการออกแบบมาอย่างชาญฉลาด ก็ช่วยจรรโลงใจให้นักเตะทั้งหลายมีความกระตือรือร้นเพิ่มมากขึ้น

5 อันดับสนามฟุตบอลที่สวยที่สุดในโลก

วันนี้เรามาทำความรู้จักสนามกีฬาที่มีความสวยงาม 5 อันดับแรกของโลก ซึ่งมีทั้งสนามกีฬาขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยสวยงาม ตั้งอยู่ในหลายประเทศดังต่อไปนี้

1.Soccer City หรือชื่อสนามอย่างเป็นทางการก็คือ First National Bank Stadium (FNB Stadium) ตั้งอยู่ที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นหนึ่งในสนามฟุตบอลและรักบี้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ได้รับการปรับปรุงใหม่ครั้งใหญ่ ในปี 2009 และเมื่อประเทศแอฟริกาใต้ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี 2010 ก็ถูกใช้เป็นสนามจัดการแข่งขัน รูปแบบของสนามถูกออกแบบมาในลักษณะของหม้อแอฟริกัน (African pot) ด้านนอกหุ้มด้วยโมเสคสะท้อนแสงไฟและมีแสงไฟที่เป็นวงแหวนวิ่งไปรอบ ๆ สนาม และด้านล่างของโครงสร้างก็จำลองให้ดูเหมือนไฟที่โชติช่วงอยู่ใต้หม้อ ภายในสนามจุผู้ชมได้มากเกือบ 100,000 ที่นั่ง จึงทำให้ Soccer City เป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

2. Maracanã Stadium เป็นสนามกีฬาที่อยู่ในเมืองริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล ซึ่งเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่ามีความสวยงามที่สุดเมืองหนึ่งของโลก ผู้คนก็ให้ความสนใจในกีฬาฟุตบอลมากด้วยเช่นกัน สำหรับ Maracanã Stadium เป็นส่วนหนึ่งของสปอร์ตคอมเพล็กซ์ที่ได้รับความนิยม และสนามกีฬาแห่งนี้ได้ใช้จัดการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ ๆ มากมาย เช่น ฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศในปี 1950, ฟุตบอลโลกปี 2016 ที่บราซิลเองเป็นเจ้าภาพ หรือแม้กระทั่งมหกรรมโอลิมปิกในปี 2016 เป็นต้น

3. The Allianz Arena ตั้งอยู่ที่เมืองมิวนิค, บาวาเรีย ประเทศเยอรมัน เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2005 และยังเป็นสนามฝึกซ้อมของทีมฟุตบอลของมิวนิค อย่างเช่น ทีมบาเยิร์นมิวนิค และ ทีม 1860 มิวนิค สนามกีฬาแห่งนี้มีการออกแบบที่โดดเด่นด้วยแผ่นพลาสติก ETFE ที่พองตัวออกและสามารถเปลี่ยนสีผนังภายนอกจากสีแดงเป็นสีน้ำเงินและสีอื่น ๆ ได้ ขึ้นอยู่กับทีมที่ลงแข่ง รองรับผู้ชมได้ถึง 75,000 คน ทำให้ The Allianz Arena ถือเป็นสนามกีฬาที่ชื่อเรื่องการออกแบบที่ดีที่สุดในโลกก็ว่าได้

4. Wembley Stadium เป็นสนามฟุตบอลตั้งอยู่ที่เมือง Wembley ในสหราชอาณาจักร เปิดใช้เมื่อปี 1923 และได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อปี 2007 Wembley Stadium สามารถรองรับผู้ชมได้กว่า 90,000 ที่นั่ง ได้รับการขนานนามว่าเป็นสนามฟุตบอลที่ได้รับการออกแบบอย่างสวยงามที่สุดในสหราชอาณาจักร มีความสูง 134 เมตร มีโครงสร้างซุ้มประตูที่ทอดยาวไปทั่วอาคาร มองเห็นเป็นจุดเด่นสะดุดตาประจำเมืองเวมบลีย์

5. Floating Stadium เป็นสนามกีฬาลอยน้ำที่อยู่ในประเทศสิงคโปร์ สร้างขึ้นในปี 2007 ซึ่งเป็นสนามกีฬาลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นสนามกีฬาที่ทอดตัวยาวสู่ชายฝั่งของอ่าวมารีน่าเบย์ ใช้เป็นที่แข่งขันกีฬาและจัดแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกมากมาย สามารถรับน้ำหนักของผู้เข้าชมได้มากถึง 9,000 คน

ที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสนามฟุตบอลที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามติดอันดับโลกที่นำมาแนะนำให้คุณได้ทำความรู้จัก ซึ่งบางครั้งเราก็ให้ความสนใจแต่เกมกีฬาที่ทำการแข่งขันในสนามกีฬาเพียงเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณลองหันมามองความสวยงามของสนามกีฬาดังกล่าว ก็เปรียบได้กับการเสพงานศิลปะผ่านปติมากรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนั้น ๆ ไปด้วย

เครดิตภาพ : https://www.pinterest.com/pin/668925350886714430/

เสนายัน นรกทีมเยือน สวรรค์นักท่องเที่ยว

สนามเกอโลราบุงการ์โน (Stadion Utama Gelora Bung Karno) หรือที่เรียกติดปากคนไทยว่าสนามเสนายัน เป็นสนามที่แฟนบอลไทยยุคหนึ่งจำได้ดีว่าเป็นสนามที่น่าขนลุกสนามหนึ่งสำหรับทีมชาติไทย นั่งเพราะความใหญ่โตขนาดความจุแฟนบอลได้มากกว่า 100,000 คน และด้วยวัฒนธรรมการเชียร์แบบสุดลิ่มทิ่มประตูของแฟนบอลอินโดนีเซีย ก็ทำเอานักฟุตบอลทีมชาติไทยในยุคนั้นที่ไปเยือนต่างยอมรับกันว่ามีขาสั่นเหมือนกัน แม้ว่าในปี 2018 จะมีการปรับปรุงสนามใส่เก้าอี้ทุกที่นั่งทำให้จำนวนที่นั่งลดลง แต่ก็ยังมากกว่า 70,000 ที่นั่งอยู่ดี ไม่ว่าใครมาเยือนก็ใช่ว่าจะรอดกลับไปได้ง่าย ๆ

แต่ถ้าไม่ได้มาไฟว้กับเจ้าถิ่น สนามแห่งนี้ก็เป็นสวรรค์ของคนชื่นชอบกีฬาได้เหมือนกัน

                ที่ตั้งของสนามเกอโลราบุงการ์โน ตั่งอยู่ในกลางเมืองจาการ์ต้าร์ และเป็นสปอร์ตคอมเพล็กขนาดใหญ่ เนื้อที่ถึง 279 เอเคอร์ ซึ่งรวมไว้ทั้งสนามกีฬาหลักและกีฬาอื่น ๆ เช่น สนามบาสเก็ตบอล สนามเทนนิส หรือว่ายน้ำ มีศูนย์ฝึกฟุตบอล ศูนย์ราชการและศูนย์ประชุม เรียกว่าครบครันและใหญ่ที่สุดในอาเซียน เกอโลราบุงการ์โนสปอร์ตคอมเพล็กจึงเป็นสถานที่หลักสำหรับการจัดการแข่งขัน และการประชุมใหญ่ ๆ ของประเทศ และในอีกมุมหนึ่งก็เป็นสวนสาธารณะ ลานออกกำลัง ของประชาชนนักท่องเที่ยวและผู้อาศัยทำงานในจากาตาร์ด้วยเช่นกัน เราจะเห็นผู้คนมาปิกนิก ปั่นจักรยาน เล่นกีฬาต่าง ๆ ทุกเย็นและสุดสัปดาห์ มีแม้กระทั่งโยคะและเต้น Sumba ด้วยนะ ซึ่งก็คล้าย ๆ กับสนามศุภ ฯ หรือสนามราชมัง ฯ ของไทยเรานั่นเอง

                ด้วยความเป็นหน้าเป็นตาของกรุงจากาต้าร์ เกอโลราบุงการ์โน จึงรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางทั้งสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือรถประจำทาง แต่จากการเข้าพื้นที่จริงของ VWIN แนะนำว่าควรใช้รถไฟใต้ดิน เพราะกรุงจากาต้าร์ก็ขึ้นชื่อเรื่องการจราจรไม่ต่างกับกรุงเทพมหานครเลย นอกจากการมาใช้บริการสปอร์ตคอมเพล็กแล้ว รอบ ๆ พื้นที่ยังอยู่ใกล้โรงแรม ร้านอาหาร และช้อปปิ้งมอลขนาดใหญ่ถึงสามแห่ง และเดินได้ในระยะทางไม่ถึงหนึ่งกิโล

หรือถ้าใครอยากจะเข้าถึงประชาชนชาวจากาต้าร์จริง ๆ ล่ะก็ สตรีทฟู้ดของที่นี่ก็มีชื่อเสียงไม่น้อยกว่ากรุงเทพเลย เราสามารถเดินชิมได้ตามถนนตรอกซอกซอยในจากาต้าร์ได้อย่างเต็มที่ ส่วนร้านอร่อยมีร้านไหนบ้างนั้นอาจจะต้องสอบถามคนในพื้นพี่ดู

                แม้ว่าจากาต้าร์จะไม่ใช่จุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวเมื่อพูดถึงอินโดนีเซีย แต่สำหรับนักท่องเที่ยวสายวัฒนธรรม ที่อยากไปสัมผัสคนประเทศนั้น ๆ จะไปทำธุรกิจ หรือไปเชียร์กีฬา หากต้องอยู่หลายวัน เป็นสัปดาห์ สนามเกอโลราบุงการ์โนก็เป็นสถานที่น่าสนใจแห่งหนึ่งที่น่าจะเยือนสักครั้ง อย่างน้อย ๆ การได้ไปดูสนามกีฬาใหญ่ยักษ์ติดอันดับโลกที่มีประวัติยาวนานแบบที่บ้านเราไม่มี มันก็ทำให้หัวใจพองโตได้เหมือนกัน แต่สำหรับแฟนบอลคนหนึ่งบอกตรง ๆ เลยว่าอิจฉา

“ช้าง อารีน่า” ศูนย์รวมความสุขของทุกครอบครัว

ในสมัยก่อน หากถามถึงสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อในจังหวัดบุรีรัมย์ ทุกคนต้องเอ่ยถึง “ปราสาทหินพนมรุ้ง” เป็นเสียงเดียวกันอย่างแน่นอน ด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม และประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่าพันปี แต่ในวันนี้ยังมีอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมุ่งหน้าไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่สักครั้งที่ “ช้าง อารีน่า”

                ช้าง อารีน่า เป็นสนามฟุตบอลประจำทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลชั้นนำของประเทศไทย เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2555 ภายใต้ชื่อ “ไอ-โมบาย สเตเดียม” ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ ช้าง อารีน่า ตามผู้สนับสนุนหลักของสโมสรในปี พ.ศ. 2560 ปัจจุบันสนามแห่งนี้มีความจุผู้ชมถึง 32,600 ที่นั่ง

                ด้วยงบประมาณการก่อสร้างกว่า 500 ล้านบาท (โดยไม่รวมค่าที่ดิน) สนามเหย้าของทีมปราสาทสายฟ้า ถือเป็นสนามฟุตบอลแห่งแรกของประเทศไทยที่ไม่มีลู่วิ่งมาคั่นกลางระหว่างสนามและผู้ชมให้เสียอรรถรส เช่นเดียวกันสนามฟุตบอลชั้นนำทั่วโลก โดยผ่านการรับรองมาตรฐานจากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (ฟีฟ่า) ระดับเวิร์ลคลาส และผ่านการรับรองมาตรฐานจากสหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ระดับเอคลาส นอกจากนั้นสนามแห่งนี้ยังถูกบันทึกกินเนสบุ๊ค ว่าเป็นสนามฟุตบอลระดับฟีฟ่า ที่ใช้เวลาในการก่อสร้างน้อยที่สุดในโลก เพียง 256 วันเท่านั้น

                ในวันที่มีแมตช์การแข่งขัน ช้าง อารีน่า จะคลาคล่ำไปด้วยแฟนบอลเซาะกราวที่เดินทางมาให้กำลังใจทีมโปรดของตัวเอง จนลานหน้าสนามรวมไปถึงลานจอดรถกว่า 1,000 คันแคบลงไปถนัดตา แต่ในวันที่ทีมปราสาทสายฟ้าไม่ได้ลงทำการแข่งขัน สนามแห่งนี้ก็ยังเปิดให้แฟนบอลและประชาชนทั่วไป เข้าชมสนามได้โดยไม่เสียค่าบริการใด ๆ ทั้งสิ้น จึงทำให้มีผู้มาเยี่ยมเยือนสนามแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย อีกทั้งยังมี บุรีรัมย์ เมกะสโตร์ จัดจำหน่ายสินค้าที่ระลึกต่าง ๆ ให้แก่ผู้มาเยือน จนสินค้าที่ระลึกภายใต้ตราสัญลักษณ์สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลายเป็นของฝากยอดฮิตไปในที่สุด และแน่นอนว่าสำหรับการแข่งขันไทยลีกนั้น คุณสามารถเลือกวางเดิมพันที่ VWIN ได้อย่างมั่นใจว่าแทงถูกจะได้เงินจริง

                นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงกับ ช้าง อารีน่า ยังเป็นที่ตั้งของ “บุรีรัมย์ คาสเซิล” คอมมูนิตี้มอลล์ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารชื่อดัง ร้านจำหน่ายสินค้าอันหลากหลาย และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอย่าง ปราสาทหินพนมรุ้งจำลอง สวนไม้ดอกไม้ประดับ และมหาศิวลึงค์ รองรับนักท่องเที่ยวทั้งที่เป็นแฟนบอลหรือประชาชนทั่วไปได้ทั้งครอบครัว

                ช้าง อารีน่า ไม่เพียงถูกใช้ในการแข่งขันฟุตบอลเท่านั้น ยังถูกเลือกใช้เป็นสถานที่จัดงานเทศกาลรื่นเริงประจำปีให้แก่ชาวบุรีรัมย์และชาวจังหวัดใกล้เคียงอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลสงกรานต์ หรือเทศกาลปีใหม่ ซึ่งจัดอย่างยิ่งใหญ่ในทุก ๆ ปี นอกจากนั้นบริเวณภายนอกสนามในวันที่ไม่มีการแข่งขันยังอนุญาตให้ใช้เป็นพื้นที่สำหรับกิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ ทั้งฟุตซอล, เซปักตะกร้อ และกีฬาเอ็กซ์ตรีมต่าง ๆ เรียกได้ว่า ช้าง อารีน่า คือสนามของชุมชนอย่างแท้จริง

                ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากตัวเมืองบุรีรัมย์ อีกทั้งยังมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกสบาย ช้าง อารีน่า จึงกลายมาเป็นจุดหมายปลายทางของเหล่านักท่องเที่ยวทั้งในและต่างจังหวัด ทำให้บุรีรัมย์ไม่ได้เป็นเพียงแค่จังหวัดชายแดนที่ห่างไกลและมีปราสาทหินโบราณเป็นเครื่องดึงดูดเดียวเพียงแห่งเดียวอีกต่อไป

Luzhniki Stadium สุดยอดสนามกีฬา ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมร่วมสมัย

Luzhniki Stadium สนามกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และถูกนำมาใช้เป็นสนามแข่งขันฟุตบอลโลกอีกด้วย จึงเป็นสนามกีฬาอีกหนึ่งแห่งที่ใครก็อยากลองแวะไปเที่ยวกันดูสักครั้ง ซึ่งเราก็จะพาคุณไปชมกันว่าสนามกีฬาแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรและมีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง

ประวัติความเป็นมาของ Luzhniki Stadium

          สนามกีฬา Luzhniki Stadium ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1955 – 1956 และได้มีการปรับปรุงต่อเติมอยู่เสมอ จึงทำให้สนามกีฬามีความทันสมัยและพร้อมสำหรับใช้รองรับการแข่งขันกีฬาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการแข่งขันฟุตบอลโลกและฟุตบอลโอลิมปิก ซึ่งก็ได้มีการนำเอาสถาปัตยกรรมร่วมสมัยมาออกแบบตกแต่งเข้าไปอย่างลงตัว จึงทำให้สนามฟุตบอลแห่งนี้ยังคงมีความโดดเด่น สวยงามอยู่เสมอ ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยก็ตาม

จุดเด่นที่น่าสนใจ

          สำหรับจุดเด่นของสนามกีฬา Luzhniki Stadium ที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างพากันมาเที่ยวชม และชื่นชอบการมาชมการแข่งขันถึงขอบสนามมากที่สุดก็มีดังนี้

  • การตกแต่งอาคารด้วยภาพกราฟฟิกนักกีฬา ซึ่งเป็นการนำศิลปะมาใช้กับการตกแต่งได้อย่างกลมกลืน และดูสวยงามสะดุดตา
  • มีขนาดกว้างใหญ่ สามารถบรรจุผู้ชมได้มากถึง 81,000 ที่นั่ง และด้วยการออกแบบที่ได้มาตรฐาน จึงไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด และสามารถชมการแข่งขันได้อย่างชัดเจนอีกด้วย ไม่ว่าจะนั่งอยู่ตรงมุมไหนของอัฒจรรย์ก็ตาม
  • โครงสร้างหลังคาที่ปกคลุมพื้นที่รอบสนามได้ดี บวกกับเป็นหลังคากระจก จึงทำให้แสงธรรมชาติสามารถส่องได้ทั่วถึงทั้งสนามกีฬา จึงช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี ทั้งยังได้มุมมองที่ทำให้การชมการแข่งขันฟุตบอลมีความสนุกและน่าตื่นเต้นมากขึ้นอีกด้วย
  • ภายในอาคารมีการออกแบบเป็นห้องพัก ห้องรับรองต่างๆ รวมถึงห้องสำหรับผู้สื่อข่าว ซึ่งในช่วงที่ไม่มีการแข่งขันก็จะเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมได้ โดยจะมีไกด์ทำหน้าที่พาคุณไปชมห้องต่าง ๆ และรอบสนามแข่งขัน

ต้องทำอย่างไรบ้าง เมื่อไปเที่ยว Luzhniki Stadium

หากคุณต้องการมาเที่ยวที่สนามกีฬา Luzhniki Stadium ในช่วงวันธรรมดาที่ไม่มีการแข่งขัน ก็สามารถมาชมได้ตลอดทุกวันกันเลย โดยจะต้องมาซื้อบัตรสำหรับเข้าชมสถานที่ก่อน จากนั้นจะมีไกด์นำพาคุณไปชมทั่วทั้งบริเวณสนามแข่งและห้องต่าง ๆ ภายในอาคาร ซึ่งก็รับรองเลยว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ทั้งนี้ก่อนเข้าชมก็อย่าลืมอ่านกฎระเบียบก่อนด้วย

          ต้องบอกเลยว่าเป็นสนามกีฬาที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าสนามกีฬาแห่งไหนเลยทีเดียว ซึ่งใครที่สะดวกก็ลองแวะมาเที่ยวชมสนามกีฬา Luzhniki Stadium กันดู หรือจะมาในช่วงที่มีการแข่งขันเพื่อชมการแข่งกีฬาแบบชิดขอบสนามก็ได้ โดยตั้งอยู่ที่เมือง Moscow ประเทศรัสเซียนั่นเอง นอกจากนี้ในเมืองใกล้ ๆ กัน ก็ยังมีสนามกีฬาอีกหลายแห่ง ที่อยากแนะนำให้คุณลองไปสัมผัสกันดู เอาเป็นว่าเมื่อคุณคิดจะมาเที่ยวที่นี่ก็ลิสต์รายชื่อสนามกีฬาใกล้ ๆ ไว้หลาย ๆ แห่ง จะได้เที่ยวทีเดียวให้คุ้มค่าไปเลยนั่นเอง

จุดเด่นของ Allianz arena สนามฟุตบอลที่ใครก็อยากมาชมสักครั้ง

Allianz arena สนามฟุตบอลขนาดใหญ่ในเมืองมิวนิคที่ใครก็อยากลองมาเที่ยวกันดูสักครั้ง ซึ่งแฟนบอลทั้งหลายก็คงจะคุ้นเคยกับชื่อสนามฟุตบอลแห่งนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีการใช้แข่งขันฟุตบอลบ่อยๆ และยังมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์จนทำให้ใครๆ ก็จดจำสนามกีฬาแห่งนี้ได้อย่างขึ้นใจกันเลยทีเดียว โดย Allianz arena จะมีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างไรบ้างก็ต้องมาดูกันเลย

Allianz arena สนามกีฬาเปลี่ยนสีได้

          สำหรับความโดดเด่นของสนามฟุตบอลแห่งนี้ก็อยู่ที่การเปลี่ยนสีได้นั่นเอง โดยจะมี 3 สีคือสีแดง สีน้ำเงินและสีขาว ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อทีมบาเยิร์น มิวนิค กำลังลงแข่ง เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน เมื่อมีการแข่งขันของทีม 1860 มิวนิค และเปลี่ยนเป็นสีขาวสำหรับทีมชาติเยอรมัน ซึ่งแฟนบอลทั้งหลายจะรู้ได้ทันทีว่าทีมไหนกำลังแข่งขันอยู่ โดยดูจากสีของสนามกีฬานั่นเอง

ชมประวัติและถ้วยรางวัลที่ Museum

          Allianz arena ไม่ได้เป็นเพียงแค่สนามแข่งขันกีฬาเท่านั้น แต่ยังมี Museum ที่จัดแสดงประวัติและถ้วยรางวัลให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมกันอีกด้วย โดยมีตั้งแต่ประวัติการก่อตั้งสนามฟุตบอลขึ้นมาเลยทีเดียว ใครที่อยากรู้ประวัติอย่างครบถ้วนและชมถ้วยรางวัลกันแบบใกล้ชิดก็ต้องลองมาเที่ยวที่นี่กันเลย โดยเปิดให้เข้าชมได้ทุกวันยกเว้นวันที่มีการแข่งขันเท่านั้น

สัมผัสบรรยากาศในห้องแต่งตัวนักเตะ

          ถือเป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยวที่สนามกีฬา Allianz arena ที่โดนใจเหล่าแฟนบอลมากทีเดียว เพราะคุณจะได้ขึ้นไปชมบรรยากาศในห้องแต่งตัวนักเตะ รวมถึงห้องอาบน้ำ สปา และฟิตเนสอีกด้วย ซึ่งก็น่าตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว ทั้งยังได้ทำกิจกรรมเดินลงบันไดพร้อมเพลงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเหมือนกับนักเตะก่อนการแข่งขันอีกด้วย ทั้งนี้ก็ต้องบอกเลยว่าคุ้มค่ากับค่าบัตรเข้าชมมากทีเดียว

FANSHOP ช้อปกระจาย

          หลังจากเที่ยวชมกันจนเพลิดเพลินแล้ว ก่อนกลับก็จะพลาดไม่ได้เลยกับการแวะมาที่โซน FAN-SHOP ซึ่งมีสินค้าที่ระลึกมากมาย โดยเฉพาะเสื้อฟุตบอล ใครอยากได้ของที่ระลึกหรือของฝากคนทางบ้านก็มาเลือกซื้อกันได้ รับรองว่าได้ช้อปกันแบบกระจายแน่นอน

เที่ยวสนุก ไม่ต้องกลัวลงด้วยไกด์นำเที่ยว

          สำหรับใครที่กังวลว่าจะหลงหรือเปล่า ก็หมดกังวลไปได้เลย เพราะที่นี่มีไกด์นำเที่ยวพร้อม ซึ่งจะพาคุณไปเที่ยวชมทุกโซนของสนามฟุตบอลกันอย่างจุใจ พร้อมด้วยคำแนะนำดี ๆ ทั้งนี้อยากรู้อะไรก็สอบถามจากไกด์ได้เลย

          ต้องบอกเลยว่าสนามฟุตบอล Allianz arena ในเมืองมิวนิคมีอะไรน่าสนใจมากกว่าที่คิดจริง ๆ ซึ่งใครที่เป็นแฟนบอลพันธุ์แท้ก็จะพลาดไม่ได้เลยที่จะแวะมาเที่ยวที่สนามฟุตบอลแห่งนี้ โดยจะมีการขายบัตรเข้าชม 2 ประเภท คือประเภทที่ชมได้เฉพาะในส่วนของ museum เท่านั้น และประเภทที่เข้าชมสนามรวมถึงห้องพักนักเตะได้ด้วย ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไป แต่ทั้งนี้เมื่อมาเที่ยวทั้งทีก็ควรเข้าชมให้ครบทุกโซนเลยจะดีกว่า

พาทัวร์ 5 อันดับสนามฟุตบอลทั่วโลก เอาใจเหล่าคอบอลทั้งหลาย

สำหรับคอบอลทั้งหลายที่ชื่นชอบการชมฟุตบอลมากที่สุด และอยากจะไปเชียร์แบบใกล้ชิดติดขอบสนามกันดูสักครั้ง วันนี้เราก็จะพาคุณไปทัวร์ 5 อันดับสนามฟุตบอลยอดนิยมจากทั่วโลกกันก่อน ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีที่ไหนบ้างและจะมีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างไร

1.Maracana Stadium

สนามฟุตบอลยอดนิยมในประเทศบราซิล โดยที่นี่ก็เคยใช้เป็นสนามแข่งขันฟุตบอลโลกมาแล้ว รวมถึงการแข่งขันโอลิมปิกด้วย ซึ่งสนามฟุตบอลแห่งนี้จะมีลักษณะเป็นโดมขนาดใหญ่ มีหลังคาโดมที่ช่วยกันแดดให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีขนาดใหญ่มากด้วยความจุถึง 74,000 ที่นั่งเลยทีเดียว

2.Estadio Municipal De Braga

ใครที่เคยชมการแข่งขันฟุตบอลในประเทศโปรตุเกส ก็คงจะเคยเห็นสนามฟุตบอลแห่งนี้กันมาบ้างแล้ว แต่จะดีกว่าไหมหากได้ลองมาเที่ยวชมสัมผัสอย่างใกล้ชิดกันดูสักครั้ง โดยสนามฟุตบอลแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นในปี 2003 ซึ่งถูกห้อมล้อมไปด้วยหุบเขา จึงทำให้ได้บรรยากาศที่เย็นสบายและได้กลิ่นอายความเป็นธรรมชาติสูงมาก แถมยังมีวิวทิวทัศน์สวย ๆ ที่จะทำให้คุณได้ชมทั้งการแข่งขันฟุตบอลและภาพวิวทิวทัศน์ที่โดนใจกันเลย ส่วนความจุก็สามารถจุคนดูได้ประมาณ 30,000 คน

3.Pancho Aréna

พลาดไม่ได้เลยสำหรับสนามฟุตบอลแห่งนี้ ใครที่ชอบแทงบอลและดูบอลสดกับ VWIN เป็นประจำ แนะนำว่าลองเปลี่ยนจากการดูบอลสดมาชมการแข่งขันแบบชิดขอบสนามที่ Pancho Aréna กันบ้างดีกว่า ซึ่งที่นี่ก็มีขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถจุผู้ชมได้ 5,000 คน แต่ก็มีความโดดเด่นและน่าสนใจไม่แพ้สนามฟุตบอลแห่งไหนเลยทีเดียว ที่สำคัญจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในโบสถ์มากกว่ากำลังอยู่ในสนามฟุตบอลซะอีก ทั้งนี้จะเป็นอย่างไรก็ต้องลองมาเที่ยวกันดู

4.Allianz Arena

สนามฟุตบอลชื่อดังที่คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะมีจุดเด่นในเรื่องของการใช้พลาสติก ETFE มาก่อสร้างเป็นสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ ซึ่งมีการอัดก๊าซเรืองแสงไว้ด้านในอย่างสวยงาม โดยเฉพาะตอนกลางคืนจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนมาก ทั้งยังสามารถเปลี่ยนสีได้ถึง 3 สี คือ สีแดง สีขาว และสีน้ำเงิน ตามสัญลักษณ์ของทีมที่ลงแข่งนั่นเอง ซึ่งนักท่องเที่ยวก็สามารถเข้ามาชมกันได้ หรือหากต้องการมาชมการแข่งขันฟุตบอล ที่นี่ก็สามารถบรรจุผู้ชมได้มากถึง 75,000 คน

5.Luzhniki Stadium

สนามฟุตบอลที่มีความจุมากถึง 80,000 ที่นั่ง โดยเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียเลยทีเดียว แถมยังได้รับการรับรองมาตรฐานจากยูฟ่าถึง 4 ดาว และเนื่องจากสนามฟุตบอลแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมอสโกพอดี จึงทำให้มีบรรยากาศที่เย็นสบาย ประกอบกับหลังคาโดมที่ช่วยกันแดดได้เป็นอย่างดี เหล่าคอบอลจึงสามารถมาร่วมเชียร์กันได้อย่างสนุกโดยไม่ต้องกังวลกับแดดที่ร้อนจัดกันเลย

ต้องบอกเลยว่าสนามฟุตบอลแต่ละแห่งนั้นมีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นคอบอลทั้งหลาย ห้ามพลาดที่จะลองแวะมาเที่ยวชมกันดู หรือจะไปร่วมชมการแข่งขันแบบชิดขอบสนามก็ได้เหมือนกัน